
-ลูกจะเข้าใจว่า ตอนรุ่งเรืองใครๆก็อยากเป็นเพื่อน ตอนตกต่ำลูกต้องเริ่มหาเพื่อนใหม่
-ตอนที่ลูกทำดีน้อยคนที่จะสนใจ แต่ตอนที่ลูกทำพลาดแม้ยืนหายใจอยู่เฉยๆก็ผิด
-ฟ้ามีเวลามืด คนมีโอกาสเปลี่ยน 30 อาจเป็นน้ำใจ 70 อาจเป็น เ ส แ ส ร้ ง
ทางยังอีกไกล อย่าเพิ่งตัดสินใจ เพราะไม่แน่เสมอไปว่าใครจะเป็นผู้กำเส้นชัยไว้ในมือ
-เพื่อนดีๆบางคน หายไปจากชีวิตลูกโดยที่ลูกก็ไม่มีทางเข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร
-เพื่อนบางคน เมื่อก่อนคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร
-คนบางคนพอได้รู้จัก ก็ไม่อยากรู้จักมากไปกว่านี้อีกแล้ว
-เวลาเจอเรื่องแ ย่ๆ ให้บอกกับตัวเองว่า ” ช่างเถอะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
-บางครั้ง ที่ฟังเพลงไม่ใช่ว่าเพลงมันเพราะ แต่เพราะมันเหมือน
ช่วงเวลาในชีวิตที่กำลังเจออยู่
-คนที่เคยสนิทกันมากเพียงใด แค่เข้าใจผิด มันก็กลายเป็นคนแปลกหน้าไปทันที
-หากลูกไม่เคยประสบเรื่องราวนั้นมาด้วยตนเอง ก็ไม่ควรตัดสินคนอื่นด้วยอคติ
-สังคมทุกวันนี้ คนสนใจเรื่องของลูกมีมาก แต่คนที่ใส่ใจลูกมีน้อย
-คนที่คอยซ้ำเติมลูกมีมาก แต่คนที่คอยดึงลูกขึ้นมา.. มีน้อย
-คนที่หัวเราะเป็นเพื่อนลูกมีมาก แต่คนที่ปลอบใจลูกมีน้อย
-เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ลูกจะรู้จักถนอมคนส่วนน้อยในชีวิตเหล่านี้ไว้ให้ดี
วันหนึ่งลูกจะรู้ว่า… คุณค่าของชีวิต… ไม่ได้วัดกันที่“รถคันใหญ่” หรือ
“กระเป๋าแบรนด์เนม” แต่… มันวัดกันที่ “ความรับผิดชอบ” และ “สามัญสำนึก”
ความสำเร็จวัดกันที่ “ศักยภาพในการดูแลครอบครัว” ไม่ใช่ “จำนวนเงินที่หามาได้”
ลูกต้องเรียนรู้ว่า… เมื่อลูกอายุมากขึ้นลูกไม่ได้เหลือเพื่อนน้อยลง
เพียงแค่ลูกชัดเจนขึ้น ว่าใครคือเพื่อนของลูกจริงๆมีคนมากมาย
ที่อยากได้ประโยชน์จากลูก แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่อยากให้ประโยชน์
กับลูกไม่กี่คนเท่านั้น ที่อยากให้ลูกได้ดีเห็นลูกมีความสุข
มีความสำเร็จในชีวิตคนเหล่านี้แหละ ที่ลูกควรแคร์ และ
ต้องถนอมรักษาไว้ให้ดี
ขอบคุณที่มา : b i t c o r e t e c h