Home ข้อคิด คุณสมบัติของเจ้านาย ที่ลูกน้องรัก ตั้งใจทำงานให้เต็มที่

คุณสมบัติของเจ้านาย ที่ลูกน้องรัก ตั้งใจทำงานให้เต็มที่

20 second read
0
0

เมื่อไม่นานมานี้ ได้ทบทวนชีวิตตนเอง ที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ เราเป็นลูกน้อง พอทำงานมาสักระยะ ก็ขึ้นเป็นหัวหน้าและทบทวนถึงหัวหน้าที่เรามีในชีวิต

ตั้งแต่ระดับตำแหน่งเล็กๆ จนระดับใหญ่สุดของบริษัท ทั้งบริษัทในไทยและบริษัทข้ามชาติของหลายๆ แห่งได้ข้อสรุปว่าหัวหน้าแบบไหน ที่เรา เพื่อนๆ และลูกน้องเราทุ่มเทใจให้

ยินดีที่จะทำงานให้เต็มที่ เต็มศักยภาพทำให้มากกว่า ที่หัวหน้าบอก และอาสาทำเพิ่มหรือเสนอไอเดีย ต่างๆ เพิ่มเติมอีกด้วยค่ะหัวหน้าที่ดีมีลักษณะดังนี้

1. เชื่อใจลูกน้อง และมองเห็นศักยภาพ

เมื่อหัวหน้ามองว่า ลูกน้องมีศักยภาพและเชื่อใจลูกน้อง ทำให้ลูกน้องทำงานได้อย่างอิสระและสามารถนำความคิดสร้างสรรค์ของตนมาสร้างผลงานได้อย่างเต็มที่

แต่หากหัวหน้าไม่เห็นศักยภาพ หัวหน้าก็จะไม่ไว้ใจ คอยสั่งตามที่ตัวเองต้องการ และไม่ให้ลูกน้องได้มีโอกาสนำเสนอความคิดเห็น

2. พูดแล้วรักษาสัจจะ ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

เราคงเคยได้ยินว่า คำพูดเป็นนายเรา เมื่อพูดออกไปแล้ว ให้เราทำตามสิ่งที่เราพูด ถ้ามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนไปจากที่พูด นานๆ เปลี่ยนคงไม่เป็นไรแต่หากเปลี่ยนบ่อยๆ

ลูกน้องจะขาดความเชื่อมั่น และความไว้วางใจต่อหัวหน้า และกังวลว่าทำไปเดี๋ยวหัวหน้าก็เปลี่ยนใจให้แก้ใหม่อีก ทำให้ลูกน้องขาดความกระตือรือร้นในการทำงานได้ค่ะ

3. มีความเห็นอกเห็นใจและใส่ใจผู้อื่น

หากลูกน้องประสบปัญหาชีวิต เช่น สูญเสียคนที่เป็นที่รักหรือคนที่เขารัก ป่ ว ย หรือเขา ป่ ว ย หากหัวหน้าไม่เคยถามไถ่ด้วยความใส่ใจ

เช่น เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกอย่างไร อยากให้พี่ช่วยอะไรบ้าง เป็นต้น แล้วเข้ามาคุยแต่เรื่องงาน ก็อาจทำให้ลูกน้องรู้สึกว่า

หัวหน้าไม่ใส่ใจเขาในฐานะคนๆ หนึ่ง ลูกน้องก็จะหมดใจที่จะทำงานให้ค่ะ

4. กล้าตัดสินใจ

บางกรณีลูกน้อง เข้ามาของคำแนะนำหรือให้หัวหน้าตัดสินใจ หากหัวหน้าตัดสินใจไม่ได้ ก็จะทำให้ลูกน้อง

ไม่สามารถทำงานต่อได้งานไม่คืบหน้า ลูกน้องก็จะเริ่มท้อใจและเบื่อว่างานไม่คืบหน้าและงานไม่สำเร็จเสียที

5. มองภาพใหญ่ ไม่ micro-manage

หัวหน้าที่ดีควรมีความสามารถ ในการมองภาพใหญ่กว่าลูกน้อง เห็นว่าสิ่งที่ทำส่งผลดีอย่างไรต่อภาพรวมและมองเห็นโอกาสในการทำสิ่งนั้นๆ ให้ใหญ่ขึ้น

และไม่ micro-manage เกินไปจนลูกน้องต้องเอามาให้ดู ทีละขั้นตอน แล้วพอเจ้านาย approve แล้วค่อยทำต่อ เพราะถ้า micro-manage เกินไป

ลูกน้องจะอึดอัดและทำงานไม่เสร็จเสียที ลูกน้องจะ burn out(หมดแรงกายแรงใจ) ได้ค่ะ

6. ให้โอกาสลูกน้องได้ทำงานที่ท้าทายขึ้น

ทำให้ลูกน้องได้พัฒนา ความสามารถและทักษะเพิ่มขึ้น แทนที่จะทำแต่งานเดิมซ้ำๆ จนเบื่อ

7. มีจริยธรรม ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก

โดยพื้นฐานแล้วคนเราเกิดมาเรารู้ว่า อะไรดีอะไรไม่ดี หากหัวหน้าไม่มีจริยธรรม ลูกน้องก็จะรู้สึกอึดอัด ยิ่งถ้าลูกน้องให้คุณค่ากับเรื่องจริยธรรม

และไม่อยากทำในสิ่งไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้มีความขัดแย้ง ระหว่างกันได้ หรือหากลูกน้องทำทั้งๆ ที่ในใจไม่อยากทำ ก็จะรู้สึกอึดอัด

8. ให้โอกาสให้ลูกน้องได้เติบโต

หัวหน้าที่สนับสนุนให้ลูกน้องเติบโต เช่น ส่งไปอบรมเพิ่ม ส่งเสริม/สนับสนุนให้เรียนเพิ่ม มอบหมายงานที่ท้าทาย/โปรเจ็คใหม่หรือโปรโมทเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม

จะทำให้ลูกน้องรู้สึกว่าหัวหน้าหวังดี กับเขาจริงๆ เขาก็จะอยากทำงานให้ดีเลิศ เพื่อตอบแทนความปรารถนาดีของหัวหน้า

9. ชื่นชมและให้กำลังใจลูกน้อง

หากลูกน้องทำงานได้ดี/ตามที่ต้องการ การขอบคุณเขาหรือการชม ในความตั้งใจของเขา ก็เป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจให้อยากทำงานเพิ่มขึ้น

และหากลูกน้องทำงานผิดพลาด/เจอปัญหาอุปสรรค ก็ให้คำแนะนำ และกำลังใจให้เขาเดินหน้าต่อไปได้ เขาจะรู้สึกว่ามีคนที่ support เขาอยู่

10. ให้เครดิตลูกน้อง

ในการนำเสนอผลงาน ให้คนอื่นรับทราบ ก็ควรให้เครดิต และขอบคุณน้องๆ ในทีมต่อหน้าคนอื่นๆ ด้วยใจ ให้รู้ว่าทุกคนมีส่วนร่วมในผลงานที่ดีนี้

เพราะหัวหน้าไม่สามารถทำงานทุกอย่างเองได้ และลูกน้องก็รับรู้ ได้ว่าหัวหน้าให้เกียรติเรา เห็นคุณค่าของเรา

อ่านแล้ว ลองไปปรับใช้ดูนะคะ เราสามารถฝึกให้มีคุณสมบัติดีๆ นี้ ไม่ว่าจะมีบทบาท เป็นหัวหน้าหรือไม่ค่ะ เพราะคุณสมบัติเหล่านี้ถ้าเรามี ใครๆ ก็รัก

และอยากช่วยเหลือสนับสนุนค่ะ หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับการพัฒนาตนเองนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านให้เติบโต อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จค่ะ

ขอขอบคุณ w o r k w i t h p a s s i o n t r a i n i n g

Load More Related Articles
Load More By Songyim
Load More In ข้อคิด

Check Also

10 สิ่งที่ “คนประสบความสำเร็จในชีวิต” เขาไม่ทำกัน

เพื่อน ร้ า ย ๆ นอกจากตัวคุณเอง ที่ไม่ควรจะฉุดตัวเองลงต่ำแล้ว เพื่อนของคุณก็ไม่ควร จะทำแบบ…