Home ข้อคิด จะรับมือด้วยวิธีไหนดี?..เมื่อบริษัทมีลูกน้องที่ “เก่งกว่าหัวหน้า”

จะรับมือด้วยวิธีไหนดี?..เมื่อบริษัทมีลูกน้องที่ “เก่งกว่าหัวหน้า”

6 second read
0
0

ใครที่รู้จักผลงานวรรณกรรมอันเลื่องชื่อ จากแดนมังกรอย่าง “สามก๊ก” คงพอจะได้ยินกิตติศัพท์ ความฉลาดล้ำลึกจากตัวละครอย่าง “ขงเบ้ง” เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า

เหตุใดคนเก่งสติปัญญาเฉียบแหลม เช่น ขงเบ้งนี้ถึงยอมทำงานให้กับเล่าปี่…ซึ่งเป็นผู้นำในแบบ ที่ก้าวสู่ความสำเร็จได้ ก็เพราะคนที่อยู่แวดล้อมรอบกายเป็นหลักในโลก

การทำงานจริงนั้น บ่อยครั้งที่เจ้านายหรือหัวหน้า อาจไม่ได้เฉียบแหลม กว่าลูกน้องเสมอไป คล้ายคลึงกับเรื่องราวของเล่าปี่กับขงเบ้ง หรือแม้แต่แม่ทัพที่เกรียงไกร

ย่อมต้องมีทหารเอกเก่ง ๆคู่ใจ ย า ม ร บ กับใครก็มักได้รับชัยชนะอยู่เสมอ เปรียบเหมือนการมีคนเก่ง ๆ หรือลูกน้องฝีมือดี อยู่ในองค์กร พวกเขาเหล่านี้นี่แหละที่จะมีบทบาทสำคัญ

ช่วยส่งเสริมการทำงาน ให้เราประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก ก้าวสู่เส้นชัยได้ตามความมุ่งหวังตั้งใจแทนที่เจ้านายหรือหัวหน้าจะรู้สึกนอยด์หรือกลัวเสียหน้าเมื่อมีลูกน้อง

ที่ทำงานเก่งกว่า ให้ลองเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ พลิกสถานการณ์ ให้เป็นความท้าทาย แม้ความเชื่อเดิม ๆ หรือภาพจำส่วนใหญ่ อาจทำให้เรารู้สึกว่าคนเก่งโดยมากมักมีความมั่นใจ

และมีความเป็นตัวของตัวเองสูงทำให้ควบคุมบริหารจัดการได้ยาก สำหรับเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลจนเกินไปนัก เพราะบรรดาผู้นำที่ประสบความสำเร็จทั้งหลาย ล้วนมีกุศโลบาย

รับมือจัดการกับลูกน้องเก่ง ๆ ได้ พอจะหยิบยกมาเป็นแนวทางให้สามารถนำไปปรับใช้กันได้ตามความเหมาะสม

1. ใช้คนเก่งให้เป็นประโยชน์

เมื่อมีคนเก่ง อยู่ในทีม จงใช้ข้อได้เปรียบนี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พ ย า ย า ม ดึง ความสามารถต่าง ๆ ของพวกเขาออกมาใช้ ค้นหาว่าพวกเขามีจุดเด่นในเรื่องใดอะไรเป็นสิ่งที่

พวกเขาต้องเรียนรู้เพิ่มเติม แล้วท้าทายพวกเขาด้วย การมอบหมายงานที่จะสามารถนำคนเก่งเหล่านี้ไปสู่ความก้าวหน้าในอนาคตได้

2. เรียนรู้จากคนเก่ง

เปลี่ยนการ แ ย่ ง ซี น การแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ให้เป็นการเรียนรู้ร่วมกันหัวใจสำคัญของการบริหาร คือการจัดการคนและกำหนดทิศทางในการทำงานให้ทีม ไม่ใช่การแข่งขันประลอง

ความรู้กับลูกน้อง คนเป็นหัวหน้ามีหน้าที่ต้องเอาชนะใจไม่ใช่เอาชนะงานดังนั้น ถ้าลูกน้องเก่งกว่า ก็เรียนรู้จากเขา ถามคำถาม และบางครั้งอาจลงมือทำเองบ้าง เพื่อจะได้มีโอกาส

สัมผัสกับหน้างานจริง ๆ อย่ามองว่าเป็นเรื่องเสียฟอร์มเสียการปกครองไม่แน่ว่าการใส่ใจถามไถ่เรื่องงานของหัวหน้า ถ้ามาถูกทางอาจเกิดผลพลอยได้ ในเรื่องการสร้างความยอมรับ

และเป็นการกระชับความสัมพันธ์กันอีกทางหนึ่งด้วย

3. ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องถาม

คนเราไม่ได้เก่ง ทุกอย่างฉันใด หัวหน้าหรือเจ้านาย ก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่องฉันนั้น อย่าติดกับดักความคิดที่ว่าหัวหน้า ต้องเก่งกว่าลูกน้อง เมื่อหัวหน้าถูกลูกน้องถามในเรื่องที่ไม่รู้ การพูดตรง ๆ

ว่าไม่รู้ แม้ฟังดูง่ายแต่ก็ยากมหาศาล สิ่งที่ช่วยได้มากที่สุดก็คือความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงไม่ใช่สิ่งที่น่าอับอาย เมื่อมีเรื่องที่เราไม่รู้แต่เป็นทักษะที่ผู้นำทั้งหลาย

ต้องฝึกฝนให้เป็นนิสัย เมื่อไม่รู้ให้ตอบตามตรงและขอความช่วยเหลือจากคนมี ความรู้ความสามารถ อย่ามองว่าเป็นพฤติกรรมนี้เป็นเรื่องของคนอ่อนแอ กลับกันเป็นการแสดงออกถึง

ความเข้มแข็งอย่างที่สุดเพราะกล้าหาญที่จะยอมรับความจริงในเรื่องที่ไม่รู้ หรือทำไม่ได้ หัวหน้าที่ทำเช่นนี้ได้ถือว่าน่าชื่นชมสุด ๆ

4. รู้กว้าง สร้างวิสัยทัศน์

บางครั้งหัวหน้า อาจไม่มีความรู้และความชำนาญ ในงานระดับปฏิบัติ การอย่างลึกซึ้งเท่าลูกน้อง เพราะไม่ได้อยู่หน้างานอย่างใกล้ชิดทุกวัน แต่หัวหน้าก็จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องอื่น ๆ

ที่ลูกน้องไม่รู้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น วิ สั ย ทั ศ น์ ย า ว ไ ก ล การวางกลยุทธ์อย่าง แ ย บ ค า ยการตัดสินใจอย่างรอบคอบ การบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างราบรื่น หรือแม้แต่

การแก้ปัญหาอย่างเฉียบคม ความรู้แบบกว้าง ๆ นี่แหละ ที่จะเป็นตัวช่วยเพิ่มมูลค่าของหัวหน้า และเรียกความศรัทธาจากลูกน้องได้เป็นอย่างดี

5. ให้เครดิต เสริมสร้างกำลังใจ

ให้กำลังใจคนทำงานเก่ง ๆ ด้วยการถ่ายทอด เรื่องราวความสำเร็จในการทำงานของพวกเขาให้เพื่อนร่วมงานหรือผู้บริหารคนอื่น ๆ ฟัง ชื่นชมคนเก่งว่าเป็นคนสำคัญของทีมและ

ขององค์กรโดยรวมไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกดี ทั้งนั้น เมื่อหัวหน้าหรือเจ้านายมองเห็นคุณค่าในตัวเรา

6. ดัน “ดารา”

เปิดโอกาส ให้ลูกน้องเก่ง ๆ ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง อยู่เสมอ เมื่อเห็นโอกาสที่ดี และเหมาะสม ก็ไม่ควรเก็บเขาไว้ที่เดิม จนไม่ได้มีโอกาสเติบโต ส่งเสริมให้เขาได้มีโอกาสรับผิดชอบ

งานใหม่ ๆ ที่ท้าทาย และเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งได้เติบโตในสายงานขึ้นเป็นลำดับ

7. กำจัดความกลัว สร้างความมั่นใจ

คนทั่ว ๆ ไปย่อมมีความกลัว ในเรื่องต่างๆ เป็นธรรมดา ทั้งกลัวไม่เป็นที่รักกลัวไม่ดีพอ กลัวไม่เข้าพวก ฯลฯ ความกลัวเหล่านี้ เป็นจุดเริ่มต้นของความไม่มั่นใจ และไม่เป็นตัวของตัวเอง

วิธีการรับมือกับความกลัวไม่ใช่เรื่องยาก เพียงยอมรับความกลัวด้วยความมั่นใจแล้วเดินหน้าต่อไปให้เตือนตนเองเสมอว่าการจ้างและพัฒนาคนที่มีความสามารถเป็นสิ่งที่เจ้านาย

และหัวหน้าที่ดีควรทำ เพื่อผลดีของทีมและเพื่อประโยชน์สูงสุด ขององค์กรลูกน้องเก่ง ทำให้ประสิทธิภาพของทีมดีขึ้นมาก

และเป็นประโยชน์ต่อองค์กร ถึงตรงนี้ถ้าอยากมองหาคนเก่ง มาร่วมทำงานด้วย ก็มีตัวช่วยที่ work สุด ๆ ให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสเฟ้นหาผู้สมัครงานที่มีศักยภาพได้

อย่างง่ายแสนง่ายอยากให้องค์กรพัฒนาก้าวหน้า ต้องหาคนที่ใช่มาร่วมทีมไม่ต้องกลัวลูกน้องเก่งกว่า เพราะยิ่งเก่งก็ยิ่งดีที่สุด แล้วผลดีย่อมตกอยู่กับองค์กรของเรานั่นเอง

ขอขอบคุณ t h.j o b s d b

Load More Related Articles
Load More By sabailey99
Load More In ข้อคิด

Check Also

เคล็ดลับ 10 ข้อ ประสบความสำเร็จให้ได้..ก่อนอายุ 30

1. รู้จัก จัดการเรื่องเงิน มีวินัยเรื่องการเงิน อย่างจริงจัง มันไม่ได้สำคัญว่าคุณมีรายได้เ…