
หากคุณกำลังจะตกงานแล้ว ยังหางานไม่ได้ หรือถ้าคุณทำงานอยู่แล้วเริ่ม
รู้สึกเบื่องาน อยากหางานใหม่ คุณควรจะต้องตัดสินใจเลือกบริษัทที่
กำลังจะทำงานด้วยให้ดี เพราะว่าการหางานไม่ได้มีเพียงปัจจัยในเรื่องของเงิน
และหน้าที่การงานเท่านั้นแต่ยังมีเรื่องที่ต้องคิดเกี่ยวกับตัว “บริษัท” ที่เรา
จำต้องไปร่วมงานอีกด้วย ซึ่งก่อนที่จะยื่นสมัครหรือตอบตกลงทำงานกับบริษัทใด
แม้ว่าเงินเดือนจะมากกว่างานที่คุณทำอยู่หรือตำแหน่งงานน่าสนใจมากก็ตาม
1. บริษัทที่คนลาออกบ่อย
สังเกตอย่างไร : มีการลงประกาศรับสมัครงาน ตำแหน่งสำคัญๆ ตามเว็บไซต์บ่อยๆ
หรือบริษัทที่คุณเข้าไปทำงานอาทิตย์แรก มีแต่คนพูดว่าจะลาออก ทั้งพูดเล่นพูดจริง
มันแย่ แค่ไหน : ปกติแล้วบริษัทที่ดีไม่ควรมีการเปิดรับสมัคร ตำแหน่งผู้จัดการหรือ
ผู้บริหารระดับสูงในทุกๆ 6 เดือน ถ้าคุณเห็นบริษัทใดที่มีพฤติกรรม ดังกล่าว
แสดงว่าบริษัทนั้น กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งอาจจะ
เป็นไปได้ 3 สาเหตุคือ
– ผู้บริหารไม่มีความเป็นผู้นำที่ดี
– มีวัฒนธรรมองค์กรภายในที่ไม่สามารถดึงดูดคนดีๆ ไว้ได้
– หรือเป็นไปได้ว่าผู้บริหารระดับสูง มีเป้าหมายสั้นพอๆ กับระยะเวลา
ที่พนักงานอยู่ในบริษัท
ทำอย่างไร : บริษัทที่มีแต่คนลาออกมัก ไม่ทำตามข้อตกลงที่เคยบอกคุณไว้
เพราะฉะนั้น หากเขาสัญญาว่าจะโปรโมตคุณในระยะเวลาเท่านั้นเท่านี้
2. บริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรขัดแย้งกันเอง
สังเกตเห็นได้อย่างไร : มีคนวงในหรือเพื่อนของเพื่อนคุณที่ทำงานในนั้น
บ่นให้ฟังถึงบรรยากาศการทำงานหรือมีคนรีวิวการทำงานตามบอร์ด
สาธารณะอยู่เรื่อย ๆ
มันแย่ แค่ไหน : บริษัทแบบนี้อาจจะไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้คุณไม่เลือกส่งใบสมัคร
มาตั้งแต่แรกแต่รับรองได้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตการทำงานของคุณ
ในระยะยาวแน่ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพ การทำงานของคุณ ไปจนถึง
ด้านการเงินของบริษัท
ทำอย่างไร : เลี่ยงได้ก็เลี่ยง พยายามอย่าตกลงปลงใจทำสัญญากับบริษัทแบบนี้
เพราะคุณอาจมีปัญหาในระยะยาวแน่
3. บริษัทที่ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง
สังเกตเห็นได้อย่างไร : ภาพบรรยากาศ การทำงานสุดคูลออฟฟิศสุดเลิศ
และแคมเปญ โ ฆ ษ ณ า ที่ไม่มีใครเทียบได้แต่พอเข้าไปทำงานจริงกลับกลายเป็น
หนังคนละม้วนมีแค่ออฟฟิศของเจ้านายเท่านั้นที่สามารถเรียกว่าออฟฟิศ
ได้ส่วนตรงอื่นอย่าเรียกว่าออฟฟิศเลย นอกจากไฟฟ้าที่ไม่สว่างและคอมพิวเตอร์
ตั้งแต่สมัย พ ร ะ เ จ้ า เ ห า แล้วไม่ต้องพูดถึงมุมพัก เบรคของพนักงาน ฝันไปซะเถอะ
มันแย่ แค่ไหน : ก็เหมือนคุณเข้าเว็บจองโรงแรม ที่คุณไม่ได้มีโอกาสเห็นจริงๆ
ก่อนในรูปดูสวยมาก แต่พอเข้าพักจริงๆ แล้วต่างกันราวฟ้ากับเหวแต่ที่น่ากังวล
กว่าคือโรงแรมคุณอยู่แค่ 2-3 คืน แต่บริษัทแบบนั้นคุณจะต้องอยู่กับมันอย่างน้อย
40 ชั่ ว โ ม ง ต่อสัปดาห์ไปอีกอย่างน้อยครึ่งปี คิดดูว่าจะแย่ แค่ไหน
ทำอย่างไร : หาอ่านรีวิวบริษัทให้ดีก่อนตัดสินใจ เข้าทำงานในที่ใดที่หนึ่ง
แต่ทางที่ดีคุณควรหาคนรู้จัก ที่ทำงานดูในนั้นแล้วถามซะ ของแบบนี้ต้อง D i g D e e p
4. บริษัทเน้นคุยงานไม่เน้นทำงาน
สังเกตเห็นได้อย่างไร : วันๆ ผู้บริหารเอาแต่ประชุมๆ ไม่กระจายงาน
ไม่ตัดสินใจอะไรสักอย่าง
มันแย่ แค่ไหน : ลองคิดถึงว่าคุณต้องทำงาน ในบริษัทที่มีผู้บริหารระดับสูง 3 คน
นั่งประชุมระดมความคิดกันเองอยู่ในห้องทั้งวัน แต่พอจบวันพวกเขากลับลงเอย
แยกย้ายกันกลับบ้านและคุณก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร หรือแย่ กว่านั้นคือพวกเขา
กลับมาทวงงานคุณทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ให้คุณทำอะไรทั้งวัน
ทำอย่างไร : ลองถามตัวคุณเองด้วย คำถามเหล่านี้ เช่น มีเฉพาะคนในเท่านั้นใช่มั้ย
ที่จะได้โปรโมทหรือบริษัทกำลังหาคนนอกเข้าไปทำงานตำแหน่งใหญ่หรือเปล่า
หรือ เอ๊ะ ทำไมมีผู้บริหารระดับ Vice Pressident เป็น 10ทั้งๆ ที่ บริษัทมีพนักงงาน
ทั้งหมดแค่ 100 คน ถ้าคุณเกิดคำถามขณะดูรายละเอียดบริษัทนั่นแหละ
คือสัญญาณที่บอกว่า บริษัทนั้นเป็นบริษัทที่เน้นคุยงานไม่เน้นทำงาน
ซึ่งถ้าคุณเลือกได้ก็อย่าเข้าไปทำงานกับบริษัทแบบนี้เลย
5. บริษัทที่เล่นไม่ซื่อกับคุณ
สังเกตเห็นได้อย่างไร : บริษัทที่คุณทำงานอยู่ ไม่มีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
หรือไม่มีการเขียนอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ความ
รับผิดชอบของคุณที่ชัดเจนไปจนถึงเป้าหมายระยะยาวของบริษัทหรือ
คุณอาจจะเห็นนายคุณเองที่เอาแต่สัญญาว่าจะโปรโมทคุณวันนั้นวันนี้
ระวังไว้ให้ดี
มันแย่ แค่ไหน : ในโลกปัจจุบันที่ทุกคน ถามหาความโปร่งใสเชื่อถือ
ได้จากทุกองค์กรบริษัทต่างๆ จึงพยายามนำเสนอความโปร่งใสโดยการนำเสนอ
ให้เห็นวัฒนธรรมองค์กรเช่น การเปิดเผยสวัสดิการ หรือโบนัสต่าง ๆ
จนกลายมาเป็นเหมือนคำมั่นสัญญาที่บริษัทพยายามสร้างมาแข่งกัน
ลองคิดดูว่าถ้า HR มาบอกว่าจะโปรโมทคุณปลายปีนี้แต่พอปลายปี
กลับทำเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือบอสคุณบอกจะขึ้นเงินเดือน
ให้ปลายปีแต่พอถึงปลายปีกลับบอกว่าไว้กลางปีหน้า นั่นแหละคือ
ที่มาของบริษัทที่เล่นไม่ซื่อกับคุณ
ทำอย่างไร : วางแผนหางานใหม่และ เตรียมตัวลาออกเลยเพราะ
มันไม่มีเหตุผลที่คุณจะอยู่ทำงานกับบริษัทที่เอาแต่สัญญาและ
เล่นไม่ซื่อกับคุณ อยู่ไปชีวิตคุณคงย่ำอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ
6. บริษัทบอนไซ
สังเกตเห็นได้อย่างไร : คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้เรียนรู้อะไร เพิ่มเติมเลย
จากงานที่ทำอยู่ทุกวันไม่มีการประเมินผลการทำงาน หรือคุณอาจจะโดน
สั่งให้ทำงานนอกเหนือความรับผิดชอบตลอดเวลา
มันแย่ แค่ไหน : คุณอาจจะคิดว่าเงินเดือนโอเค หน้าที่ที่คุณได้รับมอบหมายก็
ไม่แย่ แต่พอคิดๆ ดูอีกที ยิ่งทำงานนี้ไปเรื่อยๆ คุณกลับไม่ได้เรียนรู้อะไร
เพิ่มเติมเลยหนำซ้ำยังรู้สึกภูมิปัญญา ลดน้อยถอยลง จะขอไปเรียนต่อเหรอ
ฝันไปเถอะบริษัทบอนไซเหมาะมาก กับคนที่ไม่อยากเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว
พอแล้วกับสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีเป้าหมายในอนาคตไม่อยากโตไปมากกว่านี้แต่
เราว่าไม่มีใครอยากทำงานกับบริษัทแบบนี้แน่
ทำอย่างไร : ทำงานที่บริษัทบอนไซหมายถึง สัญญาณที่คุณจะต้อง
ลาออกมาเข้าสู่วัฏจักรหางานสมัครงาน ใน 12 เดือน 18 เดือนแน่นอน
เพราะบอนไซคือต้นไม้ที่ถูกตัดและเลี้ยงไว้ไม่ให้โตไปมากกว่านี้
หรือพูดอีกอย่างคือไม่ ต า ย ก็เลี้ยงไม่โต
7. บริษัทที่ไม่มีอนาคต ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร
สังเกตเห็นได้อย่างไร : บริษัทคุณไม่มีแผนอะไรเลย ไม่ว่าระยะสั้น ระยะยาว
ระยะไหนๆไม่ว่าคุณจะไปถามใคร ในบริษัทก็ไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งหัวหน้าคุณเอง
มันแย่ แค่ไหน : บริษัทที่เปรียบเสมือนไททานิค ที่ล่องไปในมหาสมุทรกว้างใหญ่
ดูแล้วไม่มีอนาคตแบบนี้ ก็เหมือนบริษัทที่พร้อมจะจมลงได้ทุกเมื่อคุณอาจจะ
ไม่รู้สึกอะไรเมื่อเข้าไปเริ่มงานแรกๆ อาจจะมองว่ามันเป็นความท้าทายเป็น
ความเปลี่ยนแปลง ในบริษัทที่เกิดขึ้น เหมือนชีวิตต้องหมุนเร็วตลอดเวลา
แต่เมื่อทำงานไปแล้วคุณอาจจะพบว่า ทุกอย่างมันเละ ทุกอย่างถูกคิดและ
ทำแบบวันต่อวันไม่มีการวางแผนไว้ก่อน ระวังตัวไว้ บางทีอาจจะมีสัญญาณเช่น
“เดือนนี้ผมขอยังไม่จ่ายเงินเดือนนะ” ตามมาก็เป็นได้
ทำอย่างไร : ไม่ว่าภาพลักษณ์ของบริษัท จะดูดีแค่ไหน ตามที่คุณเห็นในสื่อต่างๆ
แต่ถ้าบริษัทไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ทำไปทำไม แสดงว่าบริษัทคุณ
ไม่มีแผนกลยุทธ์ สิ่งที่คุณทำได้คือช่วยบริษัทคุณวางแผนหรือลาออกไป
ทำงานที่อื่นซะดีกว่า
ที่มา : w o r k v e n t u r e