Home ข้อคิด ระยะทางพิสูจน์ม้า…กาลเวลาพิสูจน์ใจคน (เขียนไว้ดีมาก)

ระยะทางพิสูจน์ม้า…กาลเวลาพิสูจน์ใจคน (เขียนไว้ดีมาก)

7 second read
0
0

ระยะทางเมื่อยาวไกลจะสามารถรู้ถึงกำลังของม้าว่าเป็นอย่างไร…คนเราเมื่ออยู่ด้วยกันนานจะสามารถเห็นถึงธาตุแท้หรือความจริงใจของเขา… ลู่เหยา กับหม่าลี่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน

“ลู่เหยา” มีศักดิ์เป็นพี่เขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว “หม่าลี่” เป็นผู้น้องยังไม่ได้แต่งงาน ลู่เหยามีฐานะยากจนขณะที่หม่าลี่ฐานะร่ำรวยด้วยเหตุนี้ ลู่เหยาจึงได้รับการอุดหนุนจุนเจือจากหม่าลี่

เสมอวันหนึ่ง ลู่เหยาบอกหม่าลี่ว่าตนเองต้องการไปแสวงโชคต่างเมือง อยากจะฝากให้หม่าลี่ช่วยดูแลภรรยาให้ หม่าลี่รับปากบอกว่าเขาจะดูแลให้ ไม่ต้องเป็นกังวล ตั้งแต่นั้นมาทุกครึ่งเดือน

หม่าลี่จะสั่งให้คนรับใช้นำของกินของใช้บรรทุกใส่รถม้าเต็มคันรถ นำไปให้กับภรรยาของลู่เหยา ภรรยาของลู่เหยาจึงคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็นับว่าไม่ เ ล ว ได้รับการโอบอุ้มดูแล

ยิ่งกว่าตอนที่อยู่กับสามีเสียอีกไม่ต้องทำงานก็มีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ทำให้นางนึกขอบคุณสามีที่มีน้องร่วมสาบานที่ดีเช่นนี้ครึ่งปีผ่านไป เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป

คนรับใช้ของหม่าลี่ ไม่ได้นำของไปให้ภรรยา ของลู่เหยาอีกแล้วครึ่งเดือนก็แล้ว หนึ่งเดือนก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว ภรรยาของลู่เหยาจึงต้องขายข้าวของที่หม่าลี่เคยส่งไปให้ เพื่อประทังชีวิต

ไม่ถึงครึ่งปี ข้าวของทุกอย่างถูกขายจนหมด นางจึงคิดจะทำงานเพื่อหาเลี้ยงตนเองเนื่องจากนางเคยเรียนเย็บปักถักร้อยมา ตั้งแต่เด็กนางจึงลองเย็บรองเท้าผ้าที่คนสวมใส่กันเป็นประจำขาย

อาจเพราะว่า นางมีฝีมือดีหรือชาวบ้านต่าง ส ง ส า ร นางก็มิอาจทราบได้ ทำให้ชาวบ้านพากันแย่งซื้อรองเท้าของนางจนขายหมดเกลี้ยงทุกวัน ไม่ว่านางจะตั้งราคาสูงเพียงใดก็ตาม

พริบตาเดียว ๑๐ ปีผ่านไปลู่เหยาก็กลับมาในคืนหนึ่ง เมื่อเขารู้ว่า ตั้งแต่เขาจากไป หม่าลี่ไม่เคยมาดูแลภรรยาของตนและส่งของกินของใช้ให้เพียงครึ่งปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้ส่ง

ของกินของใช้มาให้ภรรยาของตนอีกเลยเขาทอดถอนใจ แล้วกล่าวว่า “คนอยู่น้ำใจอยู่ เมื่อคนจากไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”เมื่อหม่าลี่ ทราบข่าวว่าลู่เหยากลับมาจึงส่งคนไปเชิญ มาเลี้ยงต้อนรับ

แต่ลู่เหยาปิดประตูไม่รับแขกหม่าลี่จึงไปเชิญลู่เหยาด้วยตนเอง เขาคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตู จนลู่เหยาจำใจต้องไปที่บ้านของหม่าลี่ระหว่างกินเลี้ยงกัน ลู่เหยาต่อว่าหม่าลี่

ที่ไม่ดูแลภรรยาของตน ซึ่งเปรียบเสมือนพี่สะใภ้ของหม่าลี่ก็ไม่ปานหม่าลี่จึงพาลู่เหยาเข้าไปที่สวนดอกไม้หลังบ้าน เขาเปิดประตูห้องใหญ่ห้องหนึ่งออกและเชิญลู่เหยาเข้าไป…ลู่เหยา

ตกตะลึงจนตาค้าง เขาเห็นรองเท้าผ้ากองเต็มห้องไปหมดลู่เหยาเข้าใจทันทีเขาจึงก้าวถอยออกจากประตูด้วยความละอายใจและก้มลงคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหม่าลี่

หม่าลี่รีบเข้าไปพยุงให้ลู่เหยาลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “เรื่องที่พี่ใหญ่ฝากฝังให้ข้าดูแลพี่สะใภ้นั้นข้าไม่เคยลืมเลย แต่นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้พี่ใหญ่จะไปเนิ่นนานถึงสิบปี เดิมทีข้าคิดจะอุดหนุน

จุนเจือพี่สะใภ้ด้วยของกินของใช้บริบูรณ์แต่อีกใจก็คิดว่า เมื่อนางได้มีกินมีใช้อย่างสุขสบาย วันๆ ไม่ต้องทำอะไร อาจเป็นเหตุให้นางก่อเรื่องที่มิดีมิงามขึ้นได้ ครั้นข้าจะไปดูแลนาง

ก็เกรงว่าจะเป็นที่ครหาให้นางเสียชื่อเสียงแล้วหากท่านกลับมาข้าจะมาสู้หน้าท่านได้อย่างไร แต่ก้อน่านับถือที่พี่สะใภ้รู้จัก ทำมาหากินด้วย ความสามารถของนางเอง

สมกับที่ข้าได้ตั้งใจไว้ ข้าจึงให้คนไปซื้อ รองเท้าที่นางทำขายทุกครั้งไป”ลู่เหยาได้ฟังแล้วก็ซาบซึ้งยิ่งนัก เขายืนจ้องหน้าหม่าลี่อยู่นานสักพักจึง กล่าวประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า

“ลู่เหยา (หนทางไกล) รู้ใจหม่าลี่ (กำลังของม้า)กาลเวลาพิสูจน์ใจคน” คำกล่าวจีนที่ว่า “หนทางไกลพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”จึงได้เผยแพร่สืบต่อกันเรื่อยมา

โดยเราใช้คำพรรณานี้มองเห็นว่า “การที่เราจะรู้อุปนิสัยใจคอของใครอย่างแท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อได้อยู่ร่วมกับเขามาเป็นเวลานานพอสมควรแล้วนั่นเอง”เมื่อได้อ่ าน แล้วรู้สึกชอบเรื่องราว

ของลู่เหยาและหม่าลี่ทำให้มาคิดว่า…บางครั้งในชีวิตของคนเรานั้นการจะทำความดี ต้องทำอย่างอดทน ต้องทำอย่างลึกซึ้ง ต้องทำอย่างไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนไม่ต้องหวังว่า ทำดีกับคนอื่น

แล้วเขาจะต้องดี ตอบกับเรามิเช่นนั้น เราจะทุกข์ใจหากไม่ได้การตอบแทนตามที่หวังไว้แม้คนอื่นอาจเข้าใจผิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรเปรียบเสมือนผู้ที่ปิดทองหลังพระแม้ไม่มีใครมองเห็น

แต่ตัวเรามองเห็นตัวเราเอง มองเห็นความดีที่เราทำ…แค่นี้เราก็อิ่มเอิบใจและมีความสุขแล้ว

ขอบคุณที่มา : F o r w a r d L I N E

Load More Related Articles
Load More By sabailey99
Load More In ข้อคิด

Check Also

10 แนวคิด ที่นำพาชีวิต..ให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ (คุ้มค่าแก่การอ่าน)

1 : Don’t give up. Give it a try and set your goal. “..อย่ายอมแพ้ ไม่ว่าจะทำอะไร ตั้งเป้าห…