Home ข้อคิด สละเวลาอ่านแค่ 2 นาที คนอ่านได้กำไรชีวิต (ข้อคิดดีมาก)

สละเวลาอ่านแค่ 2 นาที คนอ่านได้กำไรชีวิต (ข้อคิดดีมาก)

11 second read
0
0

1. เลิก “กลัวการทำอะไรคนเดียว“

คนที่กลัว การทำอะไรคนเดียว มักจะไม่รู้จักตัวเองดีพอ เพราะการอยู่กับคนอื่น

ตลอดเวลาทำให้เราไม่มีเวลาสะท้อนตัวตน ของตัวเอง บางคนไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร?

อยากทำอะไร? หากเราใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเองจริง ๆ จะทำให้เรามีความั่นใจ

มากขึ้นยิ่งทำให้มองเห็นเส้นทางในชีวิตชัดเจนมากขึ้นไปด้วย มั ก ซิ ม ก อ ร์ กี

นักเขียนชาวรัซเซียเคยกล่าวไว้ว่า

“ความเป็นอัจฉริยะ คือ การเชื่อมั่นในตัวเอง และความสามารถของตัวเอง”

2. เลิก “โยนความผิดให้คนอื่น”

สังคมญี่ปุ่น เชื่อในแนวคิดนึงว่า “การรับผิดชอบตัวเอง ไปซะทุกเรื่อง ไม่ใช่เรื่องดี

แต่หากคนเราไม่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วใครจะมารับผิดชอบ?

“อิสรภาพนั้นเกิดจากการรับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบสิ่งที่เราเลือกสิ่งที่เรา

ทำในทุก ๆก้าวของชีวิตเมื่อคิดเช่นนี้ เราจะคิดได้ว่าตัวเอง ควรทำอะไรมากขึ้น

คาดเดาอนาคตของตัวเองได้ และยังสามารถเตรียมความพร้อมกับ

ค ว า ม เ สี่ ย ง ต่าง ๆ ได้อีกด้วย

3. เลิก “ปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง”

หากเราไม่แสดงความรู้สึก ที่แท้จริง ออกไป ทางหลัก จิ ต วิ ท ย า แล้วอีกฝ่าย

จะรู้สึกถึงระยะห่างหรือพูดง่าย ๆ ก็คืออีกฝ่าย ก็จะคบหาเราโดยไม่แสดงความรู้สึก

ที่แท้จริงออกมาเช่นกัน ปนเราเปรียบเสมือน “กระจกเงา” หากเราต้องการเป็น

ที่ยอมรับ ของคนอื่นเราต้องเป็นฝ่ายยอมรับ และให้ความสำคัญกับผู้อื่นก่อนด้วย

ความจริงใจ

4. เลิก “กลัวว่าจะถูก เ ก ลี ย ด ”

ความ เ ค รี ย ด ของคนเราส่วนใหญ่ เกิดจาก “ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล”

โดยเฉพาะกับคนที่เราเข้าใจยาก หรือไม่เข้าใจเขามากพอคนที่กลัวความโดดเดี่ยว

จะคิดเรื่องไม่ทำให้ตัวเองถูก เ ก ลี ย ด เป็นอันดับแรกโดยไม่มีเวลาทำความเข้าใจ

ผู้อื่นอย่างแท้จริง หากเราสามารถเข้าใจเหตุผลของความรู้สึกหรือพฤติกรรม

ของผู้อื่น เราจะรู้ได้ว่าควรปฏิบัติกับเขาอย่างไรและยังทำให้ช่วยลดความกังวล

ในเรื่องของความสัมพันธ์ได้นั้นเอง

5. เลิก “ใส่ใจความเห็นคนอื่นมากเกินไป”

คนจำนวนไม่น้อย ที่ภายนอกดูชีวิตสวยหรู แต่เพราะอยากเป็นที่รัก ของทุกคน

จึงต้องคอยเกรงใจและเอาใจคนอื่นจนตัวเอง สุ ข ภ า พ จิตเสีย มัวทำตามคน

รอบข้างเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องอยู่คนเดียวหรือถูกกีดกันออกจากกลุ่มเราอาจจะ

ไม่ต้องมีชีวิตที่สวยหรูแต่การยืดอกเป็นตัวเองจะทำให้เรามั่นใจ ในตัวเองมากขึ้น

จงมี “ค่านิยม” ที่เรายึดถือแล้วเราจะแยกได้ว่าอะไรคือ สิ่งสำคัญและไม่สำคัญ

กับชีวิตเราฟังเสียงคนรอบข้างได้ แต่อย่ามากเกินไปจนเราไม่มีความสุข

6. เลิก “ละทิ้งความฝันหรือเป้าหมาย”

“ความรู้สึกเชื่อมโยง” กับหัวใจตัวเอง หรือการเชื่อมโยงกับความฝันหรือเป้าหมาย

ของเราเอง จะทำให้ “เราไม่คิดว่าตัวเองโดดเดียว” หากเราอยู่กับสิ่งที่เราชอบเรา

จะไม่รู้สึกเหงาคนที่รู้สึกโดดเดี่ยวจึงควรหาอะไรที่ช่วยให้ใจจดจ่อทำ ซึ่งการทำ

สิ่งที่ชอบเป็นวิธีที่ง่าย และได้ผลดีมาก ๆยิ่งเราทำได้ดีมันก็จะส่งผล กับความมั่นใจ

ในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ดั้งนั้นจงอย่าละทิ้งความฝันและเป้าหมายของตนเอง!

7. เลิก “คิดมากจนไม่กล้าลงมือทำ”

คนที่ “คิดมาก” แท้จริงแล้ว คือคนที่ “ไม่ได้ใช้ความคิดมากนัก” เขาแค่ยึดติดกับ

เรื่อง ๆหนึ่งแล้ววนเวียน อยู่ในหัวตลอดเวลา เมื่อตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถ

แก้ไขปัญหาหรือหาหนทางอื่นได้ จึงไม่แปลกที่เขาจะไม่ลงมือทำอะไรเลยหากเรา

ยอมรับความจริงอย่างตรงไปตรงมาแล้วคิดว่า “แล้วต้องทำยังไงต่อ” เรื่องที่กลุ้ม

จะกลายเป็นโจทย์แทนเมื่อเราค้นหาข้อมูลจะรู้ว่ามีตัวเลือก ในการแก้โจทย์นั้นอยู่

ไม่ว่าสถานการณ์อะไรมันก็จะมีทางแก้หรือทำให้ดีขึ้นได้เสมอ สิ่งที่สำคัญต่อมาคือ

“การลงมือทำ” ให้สำเร็จนั้นเอง

8. เลิก “หนีปัญหาและมองโลกใน แ ง่ ร้ า ย ”

แทนที่จะหนีปัญหาเราควรที่จะกล้า เผชิญหน้า กับมันตรง ๆ ปัญหาหลายอย่างเป็นเพียง

“มโนภาพ” เช่น การคิดว่าถ้าเรื่องนู้นเรื่องนี้ เกิดขึ้นจะเป็นยังไง? แล้วกังวลกับสิ่งที่ยัง

ไม่เกิดขึ้น ปัญหานั้นอาจมี ดังนี้ แก้ได้จากการ “ถาม-ตอบกับตัวเอง” โดยคำถามที่แนะนำ

ให้ทุกคน ไปฝึกถาม-ตอบกับตัวเอง มี ดังนี้ทำไมถึงเกิดเหตุการนี้? / นี่เป็นเรื่อง

สำคัญใช่ไหม? / ทำยังไงให้มันดีขึ้น? / ทางออกคืออะไร? / เราต้องทำอะไรให้มันดีขึ้น?

คนจำนวนไม่น้อยที่เผลอคิดใน แ ง่ ร้ า ย ไปก่อน แนะนำให้เผชิญหน้ากับตัวเองมากขึ้น

ฝึกฝนจนสามารถตีความสิ่งต่าง ๆ ในแง่บวกจนเป็นนิสัย มันจะทำให้เราก้าวผ่าน

เรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างเข้มแข็ง

9. เลิก “วิ ต ก กั ง ว ล โดยไม่มีสาเหตุ”

จิตใจคนเราจะมั่นคงได้ก็ต่อเมื่อ เราควบคุมระยะห่าง ระหว่างตัวเองกับสังคมและ

ตัวเองกับคนรอบข้างได้อย่างเหมาะสมและเข้าใจ หรือบางคนอาจมีความกังวัล

มากจาก “ความไม่รู้” ก็เป็นได้ดังนั้น สิ่งที่ควรทำไม่ใช้การกังวล แต่เป็นการ

“หาความรู้” เช่น การ อ่ า น หนังสือเพื่อเข้าใจและเท่าทันโลกมากขึ้น สิ่งนี้

จะส่งผลให้เราเลิกกลัวหรือกังวลต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ รอบตัว

10. เลิก “ยึดติดกับความคิดของตนเอง”

ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ในอดีตล้วนมีความหมายและการเรียนรู้ จากเหตุการณ์นั้น

อาจแตกต่างกันตามกาลเวลา ในอดีตเราอาจจะเรียนรู้ จากเหตุการณ์นั้นอย่างนึง

แต่ในตอนนี้เรากลับไปย้อนมองดูอาจจะได้เรียนรู้ในมุมที่ต่างออกไปสิ่งที่อยากบอก

คือ อย่าปล่อยให้ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียง เหตุการณ์นึงแล้วก็ผ่านไปให้

ทำความเข้าใจ ประสบการณ์เหล่านั้น ให้มากขึ้นและเปลี่ยนมันให้เป็นแรงก้าวเดิน

ต่อในอนาคตได้ ต้องอาศัยรู้แบบความเข้าใจใหม่ที่เราไม่เคยมีมาก่อน!

11. เลิก “กลัวความเปลี่ยนแปลง”

เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้า ว่าความคิดตัวเองจะเปลี่ยนไปอย่างไร? หรืออะไรจะเกิดขึ้น

ในอนาคต? ดังนั้น การฟังเรื่องราวของผู้อื่นมาก ๆ จะทำให้เราได้เรียนรู้การใช้ชีวิต

ที่แตกต่างจากตนเองมากขึ้นการรับข้อมูลมากๆ จะทำให้เราปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง

ได้ดีสิ่งที่สำคัญไม่ใช่ “ปริมาณข้อมูล” ที่เรารับมาแต่มันคือ “การปรับใช้” กับตัวเอง

ให้ได้ต่างหากจึงจะทำให้ข้อมูล เหล่านั้นเกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้นจงฝึกฝน

เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงและใช้ชีวิตโดยไม่รู้สึกเสียใจในภายหลัง

12. เลิก “หวังว่าคนอื่นจะทำให้เรามีความสุข”

คนที่พูดว่า “ทำไมไม่เข้าใจกันเลย” คือคนที่อยากให้อีกฝ่าย สังเกตเห็นความรู้สึก

ของตนเองแต่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่จะ อ่ า น ใจใครได้ จึงทำให้เกิดความ

ไม่ลงรอยกันเวลาเรานึกไม่พอใจว่าคนอื่นไม่เข้าใจเราให้เราลองมองย้อนตัวเอง

ดูว่าเราได้ พ ย า ย า ม ทำให้เขาเห็นมากพอ ที่จะเข้าใจเราหรือยัง จากนั้นให้

คิดต่อว่า ทำยังไง พูดยังไง เขาถึงจะเข้าใจเรา การคิดและทำเช่นนี้จะทำให้

ปัญหาหลายอย่างคลี่คลาย และรู้จักปรับตัวเข้าหากันไปเรื่อย ๆ

ที่มา : k r i t t a m a t em e d i u m

Load More Related Articles
Load More By sabailey99
Load More In ข้อคิด

Check Also

10 แนวคิด ที่นำพาชีวิต..ให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ (คุ้มค่าแก่การอ่าน)

1 : Don’t give up. Give it a try and set your goal. “..อย่ายอมแพ้ ไม่ว่าจะทำอะไร ตั้งเป้าห…