
การเป็นหัวหน้างาน นั้นเป็นสิ่งที่บางคน มองว่ายากมาก เพราะต้องมีทั้งความรู้ในการทำงาน และยังต้องมีทักษะในการบริหารจัดการ ทั้งเรื่องงาน และเรื่องคน โดยเฉพาะเรื่องของการบริหารคนนั้น เป็นสิ่งที่มีความยุ่งยากมากที่สุด บางคนบอกเลยว่า ไม่ต้องการดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าใครทั้งนั้น
เพราะไม่อยากที่จะมานั่ง ป ว ด หั ว กับการบริหารคน บางคนขึ้นมาเป็นหัวหน้าตอนที่ยังไม่พร้อม พอเจอทั้งงาน ทั้งลูกน้องเข้าไป ก็ทำให้เสียกำลังใจ ในการทำงานไปได้เหมือนกัน จากที่เคยเป็นพนักงานที่มีผลงานที่ดี พอขึ้นมาเป็นหัวหน้าเท่านั้น ผลงานหายหมด
เพราะไม่สามารถที่จะบริหารพนักงานใต้บังคับบัญชาได้เลยผลงานก็เลยไม่ออก จะทำงานเองคนเดียวเหมือนแต่ก่อนก็ไม่ได้แล้ว จริงๆ แล้วการที่จะเป็นหัวหน้านั้น ไม่ได้ยากเกิน ความสามารถของคนเราเลยครับ เพียงแต่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองในบางเรื่อง
ซึ่งบางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้ยากหน่อยเนื่องจากเราเองไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน ซี่งก็คงต้องอาศัยเวลา แต่อย่างไรก็ดี ถ้าเราอยากจะเป็นหัวหน้างานที่ดีจริงๆ ผมคิดว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ยากเกินความสามารถของคนเราอยู่แล้วครับ
อยู่ที่ความตั้งใจจริงมากกว่าลองมาดูกันสักหน่อยว่า การที่จะเป็นหัวหน้างานที่ดีนั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
เปลี่ยนทัศนคติ จากเดิมที่ทำงานคนเดียว หรืออาจจะทำงาน กับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งไม่ต้องมีการบังคับบัญชากัน เราอาจจะมีมุมมอง ของการทำงานแบบหนึ่ง แต่เมื่อไหร่ที่เราต้องมาบังคับบัญชาคนอื่น สิ่งที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงก็คือ ทัศนคติในการบริหารจัดการคนต้องเปิดใจมองให้เห็นความแตกต่างของพนักงานแต่ละคนให้ได้
คนเราแต่ละคนล้วนไม่เหมือนกัน ดังนั้น จะคาดหวังให้ทุกคนต้องคิด และมองสิ่งต่างๆ เหมือนกับที่เรามองคงเป็นไปไม่ได้ดังนั้น การที่จะเป็นหัวหน้างานที่ดี ก็คงต้องเปลี่ยนแปลง มุมมองของตนที่มีต่อคนอื่น โดยเปิดใจให้กว้างขึ้น เปิดรับความคิดเห็นที่แตกต่างจากคนอื่น
ยิ้มแย้มแจ่มใส หัวหน้างานบางคน พอได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้า แล้วก็เปลี่ยนจากคนสดใสร่าเริงมาเป็นคน เ ค รี ย ด ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ทักทายลูกน้องก่อน พอไปถาม ก็ได้รับคำตอบว่า เป็นหัวหน้าแล้วจะต้องควบคุม ดูแลพนักงานให้อยู่ การที่ยิ้มแย้มแจ่มใสแบบเดิมอาจจะทำให้ไม่สามารถควบคุมดูแลพนักงานได้
ก็เลยต้องวางมาดใหม่ ปั้นหน้าให้ เ ค รี ย ด มากขึ้นพนักงานจะได้กลัวและเกรง ซึ่งจริงๆ แล้วการเป็นหัวหน้างานที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็นถึงขนาดนี้ ก็ได้นะครับ การที่เรา เ ค รี ย ด ก็จะยิ่งทำให้พนักงาน เ ค รี ย ด ไปด้วย เพราะบรรยากาศในการทำงานมันจะอึมครึม
และไม่สนุกอย่างที่ควรจะเป็นการที่พนักงานจะทำงานและสร้างผลงานที่ดีได้นั้น สิ่งที่สำคัญก็คือ บรรยากาศในการทำงานจะต้องดี ซึ่ง การสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานนั้น ก็เริ่มต้นจากหัวหน้างานนี่แหละครับ เข้ามาในบริษัทตอนเช้า ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายพนักงานทุกคน
สอบถามสารทุกข์สุขดิบกันบ้าง ก่อนที่จะเริ่มงานแค่นี้ก็ทำให้บรรยากาศในการทำงานดีขึ้นอย่างมากแล้วครับ ใครที่ไม่เคยทำแบบนี้ ลองเปลี่ยนดูสิครับ แล้วจะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ฟังให้มากขึ้น การเป็นหัวหน้างาน ที่ดีนั้น หลายคนเข้าใจว่าจะต้องพูดให้เยอะขึ้นจะต้องสื่อสารกับพนักงานอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นพอขึ้นมาเป็นหัวหน้างานปุ๊ป ก็เลยพูดไม่หยุดเลย หัวหน้างานบางคนชอบที่จะเล่าเรื่องประสบการณ์ของตนเองให้กับลูกน้องฟัง
และเวลาประชุมกัน ก็มักจะเป็นคนที่พูดเยอะที่สุดยิ่งไปกว่านั้นบางคนยังชอบพูดโชว์ว่าตัวเองเก่ง โดยพูดแต่ภาษาวิชาการ ศัพท์สูงๆ มากมาย เพื่อต้องการจะบอกกับพนักงานเป็นนัยๆ ว่า ตนเองมีความเก่ง ในทุกเรื่องนะ ทั้งๆ ที่พูดไปแล้ว พนักงานต่างก็งงกันไปหมด
เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่นายพูดเลยสักนิดดังนั้น ถ้าจะให้ดีขึ้นจริงๆ หัวหน้างานที่ดีนะต้องฟังให้มาก ต้องฟังอย่างเข้าใจพนักงาน เวลาประชุมหรือหารืองานกัน ก็ต้องเปิดโอกาสให้พนักงาน แต่ละคนมีโอกาสได้พูด และแสดงความคิดเห็นในการทำงานของตนเอง โดยที่หัวหน้านั่งฟัง
และต้องเป็นการฟังอย่างเข้าใจในมุมมองของอีกฝ่ายด้วยนะครับหัวหน้าบางคนไม่เปิดโอกาส ให้พนักงานได้พูดเลย บางคนพอพนักงานเปิดปากพูด หัวหน้าก็พูดแทรกทันที ลองเปลี่ยนแปลงดูนะครับ ฟังให้เข้าใจก่อนที่จะพูด และเมื่อไหร่ที่ต้องพูด ก็ต้องพูดให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ
เวลาที่คนอื่นพูด ก็ฟังให้จบก่อนอย่าขัดจังหวะคนอื่นเขา นี่คือสิ่งง่ายๆ ที่เราถูกสอนมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ทำไมกลับกลายเป็นสิ่งที่ยากสำหรับการเอาไปใช้จริงใจการทำงาน
หาข้อดีของคนอื่นให้เจอ อีกเรื่องที่สำคัญมาก ในการบริหารคน ก็คือ เวลาที่เป็นหัวหน้าแล้ว จะต้องดูแลพนักงาน ซึ่งพนักงานแต่ละคนก็มักจะมีความคิด ที่แตกต่างกันออกไป และอาจจะมีความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในการทำงานร่วมกัน และพนักงานเองก็อาจจะพูดหรือเล่าอะไรให้ฟังแบบบวกๆ
เรื่องราวเข้าไปจากความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งหัวหน้าถ้าหูเบาและเชื่อเลยทันทีก็อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งในทีมงานตนเองได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเวลาที่ใครพูดอะไรบอกอะไร และไปเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ 3 ด้วยแล้วก็คงต้องหยุดคิด และพิจารณาให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมา
เพราะอาจจะมีผลต่อความน่าเชื่อถือของตัวหัวหน้าเองได้ เช่น ฟังลูกน้องนินทาคนอื่นแล้ว ถูกใจ ก็เลยร่วมนินทาอย่างออกรสไปด้วย แบบนี้ไม่ถูกต้อง คนที่เป็นหัวหน้าที่ดีนั้น จะต้องมองทุกคนอย่างเท่าเทียม และมองข้อดีของแต่ละคนให้ออก เวลาที่ได้ยินคนอื่นพูดพาดพิงถึงอีกคนในเรื่องที่ไม่ดี ก็คงต้องฟังหูไว้หู
และจากนั้นก็เปลี่ยนมุมมองของคนนั้นให้มองในแง่ดี ของคนอื่นให้มากขึ้น ผมไม่เคยเห็นผู้นำ หรือหัวหน้าที่ดีๆ คนไหนที่ร่วมนินทาคนอื่น ไปกะลูกน้องของตนเองสักคน มีแต่จะช่วยเปลี่ยนความคิด และเปลี่ยนมุมมองเพื่อให้เกิดความร่วมมือกันที่ดีขึ้นไปอีก
สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น นั้นเป็นประเด็นหลักๆ สำหรับคนที่ เป็นหัวหน้า และอยากจะเป็นหัวหน้างานที่ดี ได้ทั้งงาน และได้ทั้งใจของลูกน้อง ควรจะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงตัวเอง ผมเองมองว่าหัวหน้างานที่ดีนั้นจะต้องได้ใจลูกน้องก่อน จากนั้นเรื่องของงานก็จะตามมา
บางคนแทบจะไม่ต้องตามงานเลยก็มี เพราะลูกน้องมีใจที่อยากทำงานให้หัวหน้าอย่างเต็มที่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเรายังไม่ได้ใจของลูกน้อง สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ลูกน้องไม่มีใจจะทำงาน ไม่มีพลัง ไม่มีกำลังใจ สุดท้าย ก็ไปมีผลกระทบต่อผลงานของตนเอง
และส่งผลต่อผลงานของหน่วยงาน และองค์กรในที่สุดการจะได้ใจลูกน้องนั้นไม่ยากครับ ขอแค่เพียงยอมเปลี่ยนแปลง ตนเองไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นเท่านั้น บางท่านอาจจะแย้งว่าพูดง่ายแต่ทำยาก จริงๆ ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของคนปกติแบบเราๆ เลยครับ ลองดูนะครับ
ขอขอบคุณ p r a k a l