
ปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำเอาเจ้านายหรือหัวหน้างาน ป ว ด หัวไปตาม ๆ กันก็คือลูกน้อง
ไม่เชื่อฟังหรือลูกน้องไม่เคารพ เพราะนอกจากจะทำให้การทำงานยากขึ้นแล้วอาจจะ
มีปัญหาอื่น ๆ ตามมาด้วย ใครกำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้ตามไปดูสาเหตุและวิธีแก้ไข
ปัญหานี้กันครับ
ทำไมลูกน้องไม่เคารพ ไม่เชื่อฟัง ?
ปัญหาเรื่องลูกน้องไม่เคารพ ไม่เชื่อฟัง หรือไม่เข้าใจหัวหน้า มาจากต้นตอปัญหา
เรื่องของการสื่อ ส า ร ระหว่างทีม หากลูกน้องไม่พร้อมที่จะพูดคุยแบบตรงไปตรงมา
ให้พิจารณาจากพฤติกรรมของลูกน้อง เช่นจากการใช้อารมณ์หรือจากคำพูดในการ
สื่ อ ส า ร และดำเนินการแก้ไขตามความเป็นจริงปัญหานี้ถือว่าเป็นปัญหาโลกแตก
ของทุกที่ เพราะอย่าว่าแต่ในโลกธุรกิจเลยในสังคมทั่วไปก็มีปัญหาของคนรุ่นใหม่
และคนรุ่นเก่าที่ไม่เข้าใจกันอยู่เสมออยู่แล้วสิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญกว่าในการแก้
ปัญหาก็คือการดู ‘เจตนา’ ว่าการไม่เคารพและไม่เชื่อฟังมาจากเจตนาในการต่อต้าน
หรือเป็นแค่ผลเสียของการมีความคิดที่หลากหลายในองค์กร
ลองพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ดูครับ
1.เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ : ไม่ว่าลูกน้องจะเสนอไอเดียอะไรมาก็ไม่เคยรับฟัง
กุมอำนาจไว้ที่ตัวเองคนเดียว ทำให้พวกเขารู้สึกว่ามีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น
2.ขาดความน่าเชื่อถือ :เช่น ไม่ทำตามคำพูด ไม่ตรงต่อเวลา ไม่มีความมั่นใจ
บางอย่างอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็มีส่วนทำให้ภาพลักษณ์ของหัวหน้าจาก
ความน่าเชื่อถือได้เช่นกัน
3.ขาดการปฏิสัมพันธ์ที่ดี : มีการติดต่อกันเฉพาะเรื่องงานขาดการ สื่ อ ส า ร ที่ดี
ทำให้บางครั้งเกิดความเข้าใจผิดกัน หรือ
4.ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล : เมื่อลูกน้องทำพลาดก็แสดงอาการโมโหหงุดหงิด
รวมไปถึงใช้ถ้อยคำ รุ น แ ร ง หรือ ห ย า บ ค า ย
5.ไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน : เช่น ตำหนิความผิดพลาดต่อหน้าผู้อื่นไม่เคย
ฟังความคิดเห็นหรือไอเดียจากพวกเขา
6.ไม่เคยใส่ใจเรื่องส่วนตัว : เพราะมุ่งแต่ทำงานให้สำเร็จเพียงอย่างเดียวแต่
เคยสนใจหรือเอาใจใส่ความรู้สึกของผู้ร่วมงานคนอื่นเลย
7.ไม่รู้จักจุดแข็ง-จุดอ่อนของคนในทีม : ทำให้ไม่สามารถดึงศักยภาพของ
แต่ละคนออกมาใช้ได้เต็มประสิทธิภาพหรือใช้คนไม่เหมาะสมกับงาน
8.ไม่เคยขอโทษหรือขอบคุณ : เช่น เมื่อสั่งงานผิดพลาดก็ไม่เคยขอโทษ
ซ้ำ ร้ า ย อาจจะโยนความผิดนั้นไปให้ลูกน้องรวมไปถึงไม่เคยรู้สึกขอบคุณ
ผู้ร่วมงานที่ช่วยกันทำให้งานสำเร็จ
ลูกน้องไม่เคารพ ไม่เชื่อฟัง จะแก้อย่างไรดี ?
1. รักษาระยะห่าง
สาเหตุก็คือระหว่างคุณกับลูกน้องมีความสนิทสนมกันเกินไปเช่น รู้เรื่องส่วน
ตัวกันและกัน ไปสังสรรค์ด้วยกันบ่อย ๆ หลังเลิกงานหากเจอคนที่สามารถ
แยกแยะระหว่างเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัวได้ก็ถือว่าโชคดีไปแต่ถ้าหากเป็นคน
ที่เห็นคุณเป็นเพื่อนเล่นตลอดเวลาควรเริ่มรักษาระยะห่างกับเขาให้มากขึ้น
ลดการพูดคุยเรื่องส่วนตัวให้น้อยลงหากมีโอกาสก็ลองคุยกันตรง ๆ
น่าจะเข้าใจกันมากขึ้น
2. เข้าหาคนในทีมให้มากขึ้น
ในทางตรงกันข้ามหัวหน้าบางคนอาจจะมีระยะห่างกบลูกน้องมากเกินไปเช่น
พูดคุยกันเฉพาะเรื่องงาน หรือหัวหน้าเป็นฝ่ายสั่งให้ทำตามอย่างเดียวลอง
เข้าหาพวกเขาให้มากขึ้น โดยการชวนคุยเรื่องอื่นนอกเหนือจากเรื่องงานหรือ
แสดงความเอาใจใส่คนทำงาน เช่น ลองชวนคุยเรื่องความสนใจความคิดเห็นต่าง ๆ
ซึ่งจุดนี้อาจจะเกิดเป็นไอเดียใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปพัฒนางานได้อีกด้วย
3. มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ถือเป็นอีกหนึ่งสกิลที่คนเป็นผู้นำควรมีในยุคนี้ เพราะคนทำงานมีความรู้สึกนึกคิด
บางวันอาจจะต้องจัดการงานเยอะหรือเจอปัญหามากมาย ที่ทำให้เกิดความ
กดดันหรือความ เ ค รี ย ด และส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงหรือ
มีความจำเป็นที่จะต้องลาด้วยเหตุผลส่วนตัว ควรถามไถ่เหตุผลที่มาที่ไปยื่น
มือเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา แทนการจับผิดหรือดุด่าว่ากล่าว
4. ลดบทบาทความสำคัญ
หากเจอลูกน้องอีโก้สูง ไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่ง หรือสั่งงานไปแล้วไม่ค่อยทำตาม
หลังจากนี้ค่อย ๆ ลดบทบาทในทีมของเขาให้น้อยลง เช่น ไม่มอบหมายงานสำคัญ ๆ
หรือโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ให้ทำ แต่ให้เขารับผิดชอบงานง่าย ๆ หรืองานเล็ก
งานน้อยให้เขาพอมีผลงานบ้าง
5. ไม่แทรกแซงงาน
หากมอบหมายงานให้ลูกน้องทำแล้ว ก็ควรไว้ใจให้พวกเขาได้รับผิดชอบและ
คุณก็คอยดูและอยู่ห่าง ๆ ไม่ก้าวก่ายหน้าที่กัน ระหว่างนี้อาจจะลองถามไถ่
เป็นระยะเผื่อพวกเขากำลังมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ
6. เปิดใจรับฟังความคิดเห็น
นอกจากนี้หัวหน้าควรเปิดใจรับฟังฟีดแบ็กในการทำงาน ปัญหาหรือความคิดเห็น
ของพวกเขา ไม่ยึดเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่เพียงอย่างเดียวและหากมีการ
พูดคุยกัน ควรปล่อยให้พวกเขาพูดให้จบก่อนไม่ควรพูดแทรกหรือแย้งในทันที
เพราะพวกเขาอาจจะมองว่าคุณปิดกั้นหรือไม่ยอมรับฟังได้ ที่สำคัญควรแสดง
ความเอาใจใส่หรือห่วงใยพวกเขาจากใจจริง ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง การแสดงออก
สีหน้า น้ำเสียง และคำพูด
7. ไม่ตัดสินคนอื่น
หลายครั้งอาจจะพบว่า ผู้ที่เป็นหัวหน้ามีการวิพากษ์วิจารณ์งานของลูกน้อง
อย่าง รุ น แ ร งและบางครั้งอาจมีการใช้ คำ ห ย า บ ค า ย นอกจากจะทำให้
ลูกน้องไม่ฟังแล้วอาจจะทำให้ความสัมพันธ์และ บ ร ร ย า ก า ศ การทำงาน
แ ย่ ลงไปด้วย ซึ่งอย่าลืมว่าประสบการณ์การทำงาน มุมมอง และความคิดของ
แต่ละคนนั้นแตกต่างกันคงจะดีกว่าหากทำความรู้จักลักษณะนิสัยของ
คนในทีมและเข้าด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับแต่ละคน
8. ยอมรับความผิดพลาดบ้าง
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าก็ต้องการให้งานออกมาสมบูรณ์แบบ แต่อย่าลืมว่ามีหลาย
ปัจจัยที่เกินการควบคุม บางครั้งคนในทีมก็มีการทำผิดพลาดกันบ้างการดุด่า
หรือกล่าวโทษคนรับผิดชอบอาจทำให้มุมมองที่พวกเขามีต่อเราเปลี่ยนไปและ
ฟังเราน้อยลงคงจะดีกว่าหากหลังจากช่วยกันแก้ไขปัญหาแล้ว ตัวหัวหน้าเองก็
ควรกลับมาทบทวนด้วยเช่นกัน เช่น เราวางแผนงานมาดีหรือยังให้งานยากเกินไป
หรือเปล่า เวลาในการทำงานน้อยเกินไปหรือไม่ พร้อมกับหาทางป้องกันไปด้วย
9. ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม
ไม่ว่าจะเป็นคนเก่า คนใหม่ หรือคนสนิท ในเวลางานก็ควรปฏิบัติกับทุกคนอย่าง
เท่าเทียมและให้ความยุติธรรมกับทุกคน ไม่ลำเอียงเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่ง
สามารถตักเตือนและสั่งได้ทุกคนเหมือนกัน ที่สำคัญควรปฏิบัติแบบเดียวกัน
ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่นำเรื่องส่วนตัวของลูกน้องไปพูดต่อ
10. ให้พวกเขาตัดสินใจงานเองบ้าง
ในฐานะหัวหน้าไม่ควรกุมอำนาจทั้งหมดไว้คนเดียว ควรปล่อยให้ลูกน้องหรือ
คนในทีมมีอำนาจในการตัดสินใจงานเองบ้าง ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะผิดหรือถูก
แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นการกระทำที่ผิดพลาดก็ควรให้กำลังใจและกันรับผิดชอบ
ดีกว่าคอยคำสั่งคุณเพียงฝ่ายเดียว
11. พูดคุยด้วยเหตุผล
หลายครั้งที่ลูกน้องไม่ยอมทำตามคำสั่งเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำหรือจำเป็น
ต้องเปลี่ยนสิ่งที่ทำอยู่ ดังนั้นในการสั่งงานควรอธิบายถึงความสำคัญหรือเหตุผล
ที่จำเป็นต้องให้พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งด้วยจะดีกว่า
12. แสดงความเป็นผู้นำที่ดี
สาเหตุหนึ่งที่ลูกน้องไม่เชื่อฟังเพราะขาดความเชื่อมั่นเช่น เห็นว่าหัวหน้ามี
ประสบการณ์หรือมีอายุน้อยกว่าดังนั้นควรให้เวลาพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำให้
พวกเขารู้สึกเชื่อมั่นในตัวเรามากขึ้นด้วยการให้คำแนะนำที่ดี เป็นหัวหน้าที่
พวกเขาเชื่อใจได้สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องหากลูกน้องไม่ให้ความเคารพ เชื่อฟัง
หรือทำตามคำสั่งก็ไม่ควรแสดงอาการโมโหหงุดหงิดหรือด่าทอ เพราะจะยิ่ง
ทำให้ปัญหา แ ย่ ลงแต่จะดีกว่าหากแสดงออกอย่างเหมาะสมพร้อมลอง
นำวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้ไปปรับใช้ให้เหมาะกับคนในทีม
ที่มา : t h a i w i n n e r