
คุณสมบัติหัวหน้าที่ลูกน้องรักและทำงานให้เต็มที่เมื่อไม่นานมานี้เราได้
ทบทวนชีวิต ตนเองที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ เราเป็นลูกน้องพอทำงาน
มาสักระยะก็ขึ้นเป็นหัวหน้าและทบทวนถึงหัวหน้าที่เรามีในชีวิต ตั้งแต่
ระดับตำแหน่งเล็กๆจนระดับใหญ่สุดของบริษัท ทั้งบริษัทในไทยและ
บริษัทข้ามชาติของหลายๆ แห่ง ได้ข้อสรุปว่าหัวหน้าแบบไหนที่เราเพื่อนๆ
และลูกน้องเราทุ่มเทใจให้ ยินดีที่จะทำงานให้เต็มที่ เต็มศักยภาพทำให้
มากกว่าที่หัวหน้าบอก และอาสาทำเพิ่มหรือเสนอไอเดียต่างๆ
เพิ่มเติมอีกด้วยค่ะหัวหน้าที่ดีมีลักษณะดังนี้
1. เชื่อใจลูกน้องและมองเห็นศักยภาพ
เมื่อหัวหน้ามองว่าลูกน้องมีศักยภาพ และเชื่อใจลูกน้อง ทำให้ลูกน้องทำงาน
ได้อย่างอิสระและสามารถนำความคิดสร้างสรรค์ ของตนมาสร้างผลงาน
ได้อย่างเต็มที่ แต่หากหัวหน้าไม่เห็นศักยภาพหัวหน้าก็จะไม่ไว้ใจคอยสั่งตาม
ที่ตัวเองต้องการ และไม่ให้ลูกน้องได้มีโอกาสนำเสนอความคิดเห็น
2. พูดแล้วรักษาสัจจะ ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เราคงเคยได้ยินว่า คำพูดเป็นนายเราเมื่อพูดออกไปแล้ว ให้เราทำตามสิ่ง
ที่เราพูดถ้ามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนไปจากที่พูด นานๆ เปลี่ยนคงไม่เป็นไรแต่หาก
เปลี่ยนบ่อยๆ ลูกน้องจะขาดความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่อหัวหน้า
และกังวลว่าทำไปเดี๋ยวหัวหน้าก็เปลี่ยนใจ ให้แก้ใหม่อีกทำให้ลูกน้อง
ขาดความกระตือรือร้นในการทำงานได้ค่ะ
3. มีความเห็นอกเห็นใจและใส่ใจผู้อื่น
หากลูกน้องประสบปัญหาชีวิต เช่น สู ญ เ สี ย คนที่เป็นที่รัก หรือคนที่เขารัก
ป่ ว ย หรือเขาป่ วยหากหัวหน้าไม่เคย ถามไถ่ด้วยความใส่ใจ เช่น เป็นอย่างไรบ้าง
รู้สึกอย่างไรอย ากให้พี่ช่วยอะไรบ้าง เป็นต้นแล้วเข้ามาคุยแต่เรื่องงาน ก็
อาจทำให้ลูกน้องรู้สึก ว่าหัวหน้าไม่ใส่ใจเขาในฐานะคนๆ หนึ่งลูกน้องก็
จะหมดใจที่จะทำงานให้ค่ะ
4. กล้าตัดสินใจ
บางกรณีลูกน้องเข้ามาของคำแนะนำ หรือให้หัวหน้าตัดสินใจ หากหัวหน้า
ตัดสินใจไม่ได้ก็จะทำให้ลูกน้องไม่ สามารถทำงานต่อได้ งานไม่คืบหน้า
ลูกน้องก็จะเริ่มท้อใจและเบื่อว่างานไม่คืบหน้าและงานไม่สำเร็จเสียที
5. มองภาพใหญ่ ไม่ micro-manage
หัวหน้าที่ดีควรมีความสามารถใน การมองภาพใหญ่กว่าลูกน้อง เห็นว่าสิ่งที่
ทำส่งผลดีอย่างไรต่อภาพรวม และมองเห็นโอกาส ในการทำสิ่งนั้น ๆ
ให้ใหญ่ขึ้น และไม่ micro-manage เกินไปจนลูกน้องต้องเอามา
ให้ดูทีละขั้นตอน แล้วพอเจ้านาย approve แล้วค่อยทำต่อ เพราะถ้า
micro-manage เกินไป ลูกน้องจะอึดอัดและทำงานไม่เสร็จเสียทีลูกน้องจะ
burn out (หมดแรงกายแรงใจ) ได้ค่ะ
6. ให้โอกาสลูกน้องได้ทำงานที่ท้าทายขึ้น
ทำให้ลูกน้องได้พัฒนาความสามารถและทักษะเพิ่มขึ้น แทนที่จะทำแต่งานเดิมซ้ำๆ จนเบื่อ
7. มีจริยธรรม ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก
โดยพื้นฐาน แล้วคนเราเกิดมา เรารู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี หากหัวหน้าไม่มีจริยธรรม
ลูกน้องก็จะรู้สึกอึดอัดยิ่งถ้าลูกน้องให้คุณค่ากับเรื่องจริยธรรม และไม่อยากทำ
ในสิ่งไม่ถูกต้องก็จะทำให้มีความขัดแย้งระหว่างกันได้ หรือหากลูกน้องทำทั้งๆ
ที่ในใจไม่อย ากทำ ก็จะรู้สึกอึดอัด
8. ให้โอกาสให้ลูกน้องได้เติบโต
หัวหน้าที่สนับสนุนให้ลูกน้องเติบโต เช่น ส่งไป อบรมเพิ่ม ส่งเสริม/สนับสนุน
ให้เรียนเพิ่มมอบหมายงานที่ท้าทาย/โปรเจ็คใหม่ หรือโปรโมทเมื่อมีโอกาส
ที่เหมาะสม จะทำให้ลูกน้องรู้สึกว่าหัวหน้าหวังดีกับเขาจริงๆ เขาก็จะอยาก
ทำงานให้ดีเลิศ เพื่อตอบแทนความปรารถนาดีของหัวหน้า
9. ชื่นชมและให้กำลังใจลูกน้อง
หากลูกน้องทำงานได้ดี/ตามที่ต้องการ การขอบคุณเขา หรือการชมในความตั้งใจ
ของเขาก็เป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจให้อย ากทำงานเพิ่มขึ้น และหากลูกน้อง
ทำงานผิดพลาด/เจอปัญหาอุปสรรค ก็ให้คำแนะนำและกำลังใจให้เขาเดินหน้าต่อไป
ได้เขาจะรู้สึกว่ามีคนที่ support เขาอยู่
10. ให้เครดิตลูกน้อง
ในการนำเสนอผลงานให้คนอื่นรับทราบ ก็ควรให้เครดิตและขอบคุณน้อง ๆ
ในทีมต่อหน้าคนอื่นๆ ด้วยใจให้รู้ว่าทุกคนมีส่วนร่วมในผลงานที่ดีนี้เพราะ
หัวหน้าไม่สามารทำงานทุกอย่างเองได้และลูกน้องก็รับรู้ได้ว่าหัวหน้าให้เกียรติเรา
เห็นคุณค่าของเรา อ่ า น แล้วลองไปปรับใช้ดูนะคะ เราสามารถฝึกให้มีคุณสมบัติดีๆ นี้
ไม่ว่าจะมีบทบาทเป็นหัวหน้าหรือไม่ค่ะ เพราะคุณสมบัติเหล่านี้ถ้าเรามี ใครๆ
ก็รักและอยากช่วยเหลือสนับสนุนค่ะหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์
สำหรับการพัฒนาตนเองนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านให้เติบโตอย่างมีความสุข
และประสบความสำเร็จค่ะ
ขอบคุณที่มา : w o r k w i t h p a s s i o n t r a i n i n g