
1.หัวหน้า ตาชั่งเอียง ไม่ยุติธรรม มีอคติ เลือกรักลูกน้องบางคน ชังลูกน้องบางคนใช้มาตรฐานที่แตกต่าง ในการบริหารจัดการทีม
2.หัวหน้าหุ่นยนต์ ไร้หัวใจ ออกคำสั่ง เ ผ ด็ จ ก า ร และใช้งานเหมือนลูกน้องเป็น ท า ส ทำตัวเป็นนาย ไม่เป็นผู้นำ ไม่เคยชม มีแต่ติลูกน้องเท่านั้น
3.หัวหน้าขาดจรรยาบรรณ ประพฤติตนไม่ดีไม่น่าเคารพ ด่าทอ พูด คำ ห ย า บ ไม่รักษาสัญญา
อาจรวมถึงกรณีที่สั่งให้ลูกน้องทำงานนอกกฎ และให้ทำในสิ่งที่เอื้อประโยชน์กับตัวเองไม่ใช่องค์กร
4.หัวหน้าขาดวุฒิภาวะ อารมณ์ไม่มั่นคง เจ้าอารมณ์ เดี๋ยวดีเดี๋ยว ร้ า ย หรือเจ้าคิดเจ้าแค้น อ่อนไหวเกินปรกติ
5.หัวหน้าที่รู้สึกไม่มั่นคงในหน้าที่การงานของตัวเอง มักชอบเอาดีเข้าตัวและโยนความผิดให้ลูกน้อง ไม่สอนงาน ไม่พัฒนา
เพราะกลัวลูกน้องมาแทนที่ได้ บางรายอาจทำให้ทีมมีปัญหากัน เพื่อแบ่งแยกในการปกครองลูกน้อง (divide and conquer)
6.หัวหน้าที่ไม่ไว้ใจลูกน้อง ชอบล้วงลูก บริหารจัดการ ในรายละเอียดจนลูกน้องไม่มีอิสระในการคิดการจัดการ
7.หัวหน้าที่ไม่สื่อสาร ไม่พูด ไม่มอบหมายงานอย่างชัดเจน รวมถึงไม่ให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ลูกน้อง
ไม่พูดคุยเรื่องการประเมินผล อาจเกิดจากกรณีที่ขาดทักษะการสื่อสารหรือไม่กล้าเผชิญหน้า
8.หัวหน้าที่ไม่เคารพเวลา บางรายโทรหาลูกน้องเช้า กลางวัน เย็น ไม่เว้นวันหยุด วันนักขัตฤกษ์ หรือแม้วันที่ลูกน้องลาพักร้อน
โดยส่วนใหญ่มักไม่ได้เป็นเรื่องงานสำคัญที่ต้องติดต่อลูกน้องเดี๋ยวนั้น แต่เป็นเพราะตนเองว่างจึงคาดหวังว่าลูกน้องจะต้องว่างคุยด้วย
9.หัวหน้าที่ขาดความสามารถ ขาดความรู้ในหน้าที่ที่รับผิดชอบ ซึ่งอาจส่งผลให้ขาดการตัดสินใจหรือตัดสินใจช้า ไม่ช่วยลูกน้องแก้ปัญหา
10.หัวหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ ไม่ชอบทำงาน และให้ลูกน้องทำงานแทน
10 แบบนี้เป็นเพียงกรณีตัวอย่าง ที่ได้พบเห็นบ่อยๆ ในองค์กรใดก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหน่วยงานที่มีหัวหน้าแบบดังกล่าวก็มักประสบปัญหาคนลาออกสูงหรือลูกน้องขาดขวัญกำลังใจในการทำงาน ในกรณีที่ รุ น แ ร ง มาก
และไม่ได้รับการแก้ไขผลที่ตามมาในที่สุดก็คือ หน่วยงานนั้นจะขาดกำลังคน ทีมงานแตกแยก ผลงานไม่ดี และต้องมีการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานทางใดทางหนึ่งในที่สุด ลองนึกย้อนถึงตัวเองดูท่านใดเป็นหัวหน้าที่ลูกน้องไม่เคยกล่าวขอบคุณ(อย่างจริงใจ) เลย
คงต้องลองตรวจสอบตัวเองว่าเข้าข่ายลักษณะที่ลูกน้องไม่ปลื้ม(สุดๆ)ดังกล่าวหรือไม่ หากสะท้อนภาพตัวเองไม่ชัด คำแนะนำคือขอให้ฟังให้มากและฟังให้ดี ท่านอาจขอข้อมูลย้อนกลับจากลูกน้องเอง โดยเมื่อฟังข้อมูล แนะให้ฟังทั้งหู (Ears) ตา (Eyes) ความคิด (Mind) และหัวใจ (Heart)
คือ นอกจากฟังอย่างตั้งใจแล้ว ต้องใช้ตาลองสังเกตปฎิกิริยาของคนอื่น ใช้ใจที่เปิดกว้างในการฟังโดยไม่มีอคติ รวมถึงฟังแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากลูกน้องมองว่าท่านเข้าข่ายหัวหน้าที่ไม่น่าปลื้ม ปรับปรุงวันนี้ก็ยังไม่สาย เพราะในเบื้องต้นคนโชค ร้ า ย คนแรกคือลูกน้อง
แต่ในที่สุดแล้วก็คือตัวท่านเองเมื่อลูกน้องชักแถวกันลาออก หรือขาดกำลังใจในการทำงาน ในทางตรงกันข้าม หากท่านเป็นหัวหน้าที่ดีที่ลูกน้องปลื้ม เชื่อว่าท่านคงไม่ต้องรอให้ลูกน้องมาขอบคุณ เพราะลูกน้องคงหาโอกาสที่จะมาขอบคุณท่านอยู่แล้วเรื่อยๆ
แม้ว่าจะถึงวันที่ หัวโขนของท่านหายไป หรือท่านไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้วก็ตาม
ขอขอบคุณ b a n gk o k b i z n e w s