Home ข้อคิด อยากเลี้ยงลูกให้เก่ง พ่อแม่ต้องเลิกทำ 10 สิ่งนี้ เพราะมันทำร้ายจิตใจลูก

อยากเลี้ยงลูกให้เก่ง พ่อแม่ต้องเลิกทำ 10 สิ่งนี้ เพราะมันทำร้ายจิตใจลูก

13 second read
0
0

คนเป็นพ่อเป็นแม่ มักใช้ความเป็นผู้ใหญ่มองเด็ก โดยบางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่

เด็กคิดนั้นอาจเป็นอีกหนึ่งมุมมองของเขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่พ่อแม่อาจไม่เคยรู้

ว่าสิ่งที่ทำกับลูกในทุกวันนี้อาจส่งผล ทําร้ า ยจิตใจลูก ได้มากที่สุดอยากเลี้ยง

ลูกให้ดี เลิกทำ 10 สิ่งที่ ทำ ร้ า ย จิตใจลูก

1. เมินเฉยกับการทำดีของลูกหรือรู้สึกยินดีแบบผ่าน ๆ

ผู้ใหญ่มักมองเห็นความสำเร็จเล็ก ๆ ของลูกเป็นเพียง เรื่องเล็กน้อย และให้ความ

ยินดีแค่เพียง ๆ ผ่าน แทนที่จะมองว่าผลลัพธ์ในสิ่งที่ลูกทำได้ดีนั้นจะเป็นการต่อยอด

ไปสู่ผลงานหรือความสำเร็จ ที่ดีในอนาคตของเขาได้หากได้รับการส่งเสริมที่ดี

จากพ่อแม่ การเมินเฉยหรือการยินดีแค่เพียง ชั่ ว ขณะอาจทำให้ลูกรู้สึกไม่มั่นใจ

และไม่ภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้

2.ทำ ร้ า ย ความมั่นใจของลูก

พ่อแม่หลายคน เผลอไป ทำ ร้ า ย ความมั่นใจของลูกโดยไม่รู้ตัว เข่น การพูด

ถึงข้อด้อยของลูกต่อผู้อื่นหรือในที่สาธารณะ หรือการบังคับให้ลูกทำอะไรโดย

ที่เขายังไม่พร้อมหรือกล้า การทำแบบนี้ของพ่อแม่จะทำให้ลูกกลายเป็นคน

ขาดความมั่นใจและ ทำ ร้ า ย จิตใจของลูกได้นะคะ

3. เปิดเผยความลับของลูกให้คนอื่น

แท้จริงแล้วพ่อแม่คือที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของลูก แต่เด็กในสังคมไทยปัจจุบัน

กลับเลือกปรึกษาเพื่อนก่อนพ่อแม่ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าบางเรื่องพ่อแม่เห็นว่า

ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเป็นเรื่องที่มองข้าม ความสำคัญของลูกไป หรือแก้ปัญหา

ไม่ตรงจุด จนลูกมองว่า พ่อแม่ช่วยอะไรไม่ได้ แต่สาเหตุหลักคือเรื่องของ

ความลับที่เด็กไม่อยากให้คนจำนวนมากรู้หากมีเรื่องสำคัญนั้น ร้อยละ 80

ลูกมักจะเลือกบอกแม่ แต่แม่ก็อาจจะนำความลับนี้ไปปรึกษาพ่อหรือคนอื่น

ซึ่งการทำแบบนี้อาจทำให้เด็กเกิดความรู้สึกไม่ไหววางใจหรือเชื่อใจที่จะ

บอกความลับตนเอง จึงมักทำให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังได้

4.มองข้ามการแสดงความคิดเห็นของลูก

ผู้ใหญ่มักแสดง ความไม่พอใจ ต่อเด็กที่ประพฤติตัวไม่ดี โดยอาจใช้การดุด่า ต่อว่า

แต่เด็กร้อยละ 90 ไม่สามารถแสดงอาการไม่พอใจในตัวผู้ใหญ่ออกมาได้ และ

หากกล่าวว่าผู้ใหญ่ผิดก็ทำให้มองว่าเป็นเด็กไม่ดีทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งในความ

เป็นจริงแล้วพ่อแม่สามารถเป็นแบบอย่างให้ลูกในการแสดงออก และเปิดใจให้

กว้างต่อการฟังความคิดเห็นจากทุกคนในครอบครัว ยอมรับความผิดถูกและช่วยกัน

แก้ปัญหาเพื่อให้ลูกกล้าแสดงออก และรู้จักที่จะยอมรับในสิ่งผิด อันจะเป็นรากฐาน

ต่อการใช้ชีวิตในสังคมเมื่อเขาเติบโตขึ้น

5. ใช้ถ้อยคำ รุ น แ ร ง ด่าว่าลูก

การใช้ถ้อยคำที่ว่า กล่าวตักเตือน เมื่อเด็กทำผิด ไม่ใช่การด่าว่า ใช้คำ รุ น แ ร ง ส่ อ เ สี ย ด

เพื่อให้เด็กกลัวหรือหลาบจำ เพราะการทำแบบนี้นอกจากจะทำให้ลูกรู้สึกไม่ดียังทำให้

เด็กไม่มีความสำนึกผิด หนำซ้ำยังคิดจะทำครั้งต่อไปแบบที่ ไม่ทำให้โดนจับได้เพื่อ

จะได้ไม่โดนด่า แถมยังเกิดการเลียนแบบถ้อยคำ ห ย า บ ค า ย จากผู้ใหญ่อีกด้วย

6. นำเรื่องที่เคยทำผิดของลูกมากล่าวว่าซ้ำ ๆ

ผู้ใหญ่ส่วนมากเวลาดุ เด็กที่ทำผิด มักจะนำเรื่องของลูกที่เคยทำผิดมาแล้วมากล่าว

ว่าซ้ำ ๆ เหมือนเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมลูกเข้าไปอีกและร้อยละ 50 ที่แสดงอาการแบบนี้

จะหยุด ก็ต่อเมื่อเด็กเกิดอาการเสียใจ การทำแบบนี้ถือเป็นการกระทำที่ทำ ร้ า ย จิ ต ใ จ

ลูกได้มากและจะทำให้เด็กเกิดความรู้สึก เ จ็ บ ใจ โกรธ จนทำให้ลูกไม่คิดจะปรับปรุง

ตัวให้เป็นเด็กที่ดีขึ้นง่าย ๆ แน่

7. ใช้ความ รุ น แ ร ง กับลูก

หมดยุค การลงโทษโดยใช้ ไ ม้ เ รี ย ว ตี ลูกเพื่อสร้างให้เป็นคนดีกันแล้ว เพราะการตี

หรือใช้ความ รุ น แ ร ง กับเด็กไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงหรือปรับนิสัยลูกให้เป็น

ไปตามที่พ่อแม่คาดหวังได้แต่จะเป็นการซ้ำเติมให้ลูกมีปมภายในใจหนักขึ้นไปอีก

ความ รุ น แ ร ง ระหว่างพ่อแม่ทะเลาะกัน หรือความ รุ น แ ร ง ที่ทำต่อลูกล้วนเป็นสิ่ง

ที่ไม่ดี ที่ยิ่งทำให้ลูกมีอาการต่อต้านหนักขึ้นและจะกลายเป็นภาพจำ ทำให้ลูก

กลายเป็นเด็กก้าวร้าวต่อไปได้ในอนาคต

8. อารมณ์เสียใส่ลูก

พ่อแม่ที่อารมณ์เสีย หรือทะเลาะกัน บางครั้งก็มักจะอารมณ์เสียใส่ลูกโดยไม่รู้ตัว หรือ

พาลไปหาเรื่องลูก ลงใส่ลูกการทำแบบนี้ นอกจากจะเป็นการ ทำ ร้ า ย จิตใจลูก

โดยง่ายแล้ว ยังทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่มีเหตุผลจนไม่คิดจะเชื่อถือได้

9. ลงโทษเมื่อลูกทำผิด

พ่อแม่จำนวนมาก คิดว่าการลงโทษ คือวิธีที่จะทำให้เด็กจดจำและจะไม่ทำผิดอีก

แต่กลับตรงกันข้ามวิธีนี้จะทำให้ทำให้ลูกรู้สึกเสียใจ กลายเป็นเด็กที่เก็บกด และ

กลัวความผิดพลาดจนกลายเป็นคนขี้ระแวงได้วิธีที่ถูกต้องที่สุดคือ การปลอบ

เมื่อลูกทำผิดพลาด อธิบายเหตุผลว่าทำไมนี้คือสิ่งที่ลูกทำผิด จะมีผลเสียอย่างไร

พร้อมทั้งแนะนำ ช่วยกันหาวิธีคิดแก้ปัญหาให้กับลูกหรือใช้วิธีลงโทษแบบ

นุ่มนวล เช่น การลงโทษแบบ time in หรือ time out

10. เอาความคิดของตัวเองเป็นหลักและไม่ใจกว้างที่จะเข้าใจลูกตัวเอง

พ่อแม่อาจจะจดวันเดือนปีเกิด ของลูกได้ รู้ว่าลูกชอบกินอะไรหรือไม่ชอบอะไร ฯลฯ

แต่การรู้จักลูกในสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า คนเป็นพ่อแม่จะเข้าใจในสิ่งที่ลูกคิดได้

หากคุณยังต้องการให้ลูกต้องทำนู่นนั่นนี่ในแบบที่พ่อแม่คิด โดยไม่ถามความสมัครใจ

หรือไม่ได้สังเกตอาการ สีหน้า ความสุข ของลูกเลย

พ่อแม่ทุกคนอยากเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า จะห้ามตี ห้ามดุ

ไปเลยทีเดียว แต่ควรทำแบบพอดีไม่มากเกินไป ควรใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์

ใช้ความจำเป็นให้มากกว่า ความต้องการเพื่อไม่เป็นการ ทำ ร้ า ย จิตใจลูก และ

สร้างลูกให้เป็นคนดีต่อไป เพื่อความภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่เมื่อเขาเติบโต

ขึ้นมานะคะ

ขอขอบคุณ t h.t h e a s i a n p a r e n t .

Load More Related Articles
Load More By sabailey99
Load More In ข้อคิด

Check Also

คนมีทัศนคติดีแบบนี้ อยู่ที่ไหนก็สบาย เพื่อนร่วมต่างไว้ใจ

มีความคิดสร้างสรรค์ และทำทุกอย่างให้ดีที่สุด การเป็นลูกน้องที่ดีต้องไม่คิดแค่ ว่าเราเป็นแค…