
1.ว่าด้วยการอวดตน
คน โ ง่ ชอบอวดตัว เขาจึงได้รับความ ห มั่ น ไ ส้ การต่อต้าน และ ความ เ จ็ บ ป ว ด เป็นรางวัล
คนฉลาด ชอบถ่อมตัว เขาจึงได้รับความเห็นใจ การดูหมิ่น และการช่วยเหลือเป็นรางวัล
คนเจ้าปัญญา ย่อมมั่นใจตนแต่ไม่นิยมแสดงตัว ไม่ยกตน และ ไม่ถ่อมตัว แต่บริหารสัมพันธภาพเพียงเพื่อผลวางตน และ สำแดงบทบาทตามหน้าที่ เขาจึงได้รับความเคารพ และ ความเชื่อถือเป็นรางวัล
2.ว่าด้วยจรร ย า มาร ย า ท
คน โ ง่ แข็งกระด้าง จึงล้มเหลว ดั่งเปลือกไม้ร่วงหล่นลงสู่ดิน
คนฉลาด ยืดหยุ่น จึงกระจายตนไปในสถานการณ์ต่างๆ ดั่งรากไม้ แ ผ่ ซ่ า น ไปในผืนปฐพี
คนเจ้าปัญญา อ่อนโยน จึงเจริญงอกงาม ดั่งยอดไม้ที่ ท ะ ย า น ขึ้นสู่ที่สูง
3.ว่าด้วยการบริหารธุรกิจ
คน โ ง่ ทำงาน ทำธุรกิจด้วยความ อ ย า ก ได้ ผู้คนจึง ห ว า ด ร ะ แ ว ง และถอยหนี
คนฉลาด ทำธุรกิจด้วยความ อ ย า ก แลกเปลี่ยนผู้คนจึงพิจารณาและคบหาตราบที่ยังได้ประโยชน์
คนเจ้าปัญญา ทำธุรกิจด้วยความ อ ย า ก ให้ ผู้คนจึงต้อนรับด้วยความยินดีแม้จะต้องให้อะไรตอบบ้างก็ตาม
4.ว่าด้วยการบริหารระเบียบ
คน โ ง่ ทำงานเพื่อความถูกต้องตามอักขระ จึงเป็นได้แค่เสมียน
คนฉลาด ทำงานเพื่อความถูกต้องตามเจตนารมณ์จึงได้เป็นผู้บริหาร
คนเจ้าปัญญา ทำงานเพื่อความถูกต้องต่อผลสูงสุด จึงได้เป็นเจ้าของ
5.ว่าด้วยการทำงาน
คน โ ง่ ทำงานเพื่อเงิน จึงได้เงินมาอย่าง ย า ก เย็น และมักไม่ได้คุณค่าอื่น ๆ ของงาน
คนฉลาด ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่ และได้เงินตามมาโดยง่าย
คนเจ้าปัญญา ทำงานเพื่อหยิบยื่นคุณค่าแก่สังคม เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม เงิน ชื่อเสียงและมิตรมหาศาลย่อมตามมาเสมอ
6.ว่าด้วยความเพียร
คน โ ง่ มัวขยันในเรื่อง ไ ร้ ส า ร ะ จึงมักพบปะแต่เรื่องไร้ประโยชน์ แล้วมักตัดพ้อว่า ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี
คนฉลาด มักขยันในเรื่องที่มีคุณมาก มีโ ทษน้อย จึงได้ประโยชน์มากและ มีโ ทษแทรกบ้าง แล้วมักบ่นว่าอุตส่าห์ระวังอย่างสุดแล้วยังพบเรือง ร้ า ย ๆ อีก
คนเจ้าปัญญา ขยันทำตนให้เหนือคุณและโทษ จึงบริหารสถานการณ์อย่างอิสระ ไม่ปรากฏเสียงตัดพ้อหรือบ่นว่าอีกต่อไป
7.ว่าด้วยการวิพากษ์วิจารณ์
คน โ ง่ มัววิพากษ์วิจารณ์นินทาคนอื่น เพราะไม่จริงใจกับใคร จึงไม่มีใครจริงใจด้วย เขาย่อมมีแต่มิตรเทียม
คนฉลาด มัววิพากษ์วิจารณ์ตนอย่างที่เป็น โดยไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของตนที่ต้องเป็นไป คนอื่นจึงมักไม่เข้าใจเขาที่แปรเปลี่ยนไปเสมอ และไม่มีคนเข้าใจจริงเคียงข้างเขา
คนเจ้าปัญญา ย่อมไม่วิพากษ์วิจารณ์ใคร ด้วยแจ่มแจ้งว่าทุกคนก็เปลี่ยนไป เขาย่อมเลี่ยงคนที่ชอบวิจารณ์ตนและคนอื่น ทุกคนจึงสบายใจที่จะอยู่ใกล้เขา เขาย่อมมีมิตรแท้และมั่นคง
8.ว่าด้วยผู้พูด
คน โ ง่ ชอบให้อารมณ์พูด จึงผิดพลาดมาก ล้มเหลวบ่อย
คนฉลาด ชอบใช้เหตุผลพูด จึงถูกต้องมากแต่มักไร้ความรู้สึก และประสบแต่ความสำเร็จอันแห้งแล้ง
คนเจ้าปัญญา ชอบใช้ธรรมะพูด จึงบริสุทธิ์เหนือถูกเหนือผิด และเป็นหนึ่งเดียวกับความสำเร็จโดยธรรม
9.ว่าด้วยการพูดจา
คน โ ง่ ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะและความบาดหมางแทนความรู้
คนฉลาด ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้และมิตรภาพมากกว่าความแตกแยก
คนเจ้าปัญญา ชอบเฉยสังเกตลึก เข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง แล้วจึงนำเสนออย่างเหมาะสม
10.ว่าด้วยความ โ ง่ และความฉลาด
คน โ ง่ ชอบคิดว่าตนฉลาดแล้ว จึงดักดานอยู่กับความ โ ง่ ของของตนตามที่เป็น
คนฉลาด ชอบคิดว่าตน โ ง่ จึงชอบแกล้ง โ ง่ และมัก โ ง่ ได้สมปรารถนาในที่สุด
คนเจ้าปัญญา ย่อมเห็นความ โ ง่ และความฉลาดที่ซ้อนกันอยู่ และรู้วิธีที่จะยกจิตสู่ปัญญายิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงค่อย ๆ หาย โ ง่ และเลิกฉลาดโดยลำดับ
11.ว่าด้วยการบริหารเป้าหมาย
คน โ ง่ มักใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย จึงว่ายไปแล้ววนกลับมาที่เดิม ต้องเริ่มต้นใหม่ร่ำไปสู่อนาคตที่ไร้ทิศทาง
คนฉลาด มักตั้งเป้าหมายชีวิตยิ่งใหญ่ จึงไม่พึงพอใจกับภาวะที่ตนเป็นสักที เพราะดูที่ไรก็ยังห่างไกลเป้าหมายเสมอ
คนเจ้าปัญญา ย่อมมีเป้าหมายสูงสุดแห่งชีวิต และมีเป้าหมายน้อยนิดสานสู่เป้าหมายใหญ่ จึงมีบันไดความสำเร็จให้บรรลุเป้าเป็นลำดับ ได้กำลังใจและหรรษาไปตลอดหนทาง อย่ามัว โ ง่ งมงาย จงขวนขวายพัฒนา และอย่าฉลาดอย่างขาดปัญญา จงเป็นมนุษย์เลิศปัญญายิ่งๆขึ้นไป ที่สำคัญแท้จริง จงมีปัญญาจริงแท้ในจิตใจให้ได้ก่อนอื่น
12.ว่าด้วยทัศนคติ
คน โ ง่ ดูหมิ่นความดี มองโลกในแง่ ร้ า ย ด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่ง ชั่ ว ร้ า ย มาพาชีวิตตกต่ำ กลายเป็นทาสสถานการณ์ ย า ม พบสิ่งดีจะไม่เข้าใจ จึงพลาดโอกาสใหญ่
คนฉลาด ชอบทำดีและคิดดี มักมองโลกในแง่ดีด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่งดีโดยมาก ครั้งพบสิ่ง ชั่ ว ร้า ย จะทนไม่ได้ ทำใจไม่เป็น ต้องถอยหนีสถานการณ์ ดวงใจ แ ต ก ร้ า ว ชีวิตจึงมีแต่ความ ร ะ ค า ย เคืองและ ป ฏิ ฆ ะ เ ร้ น ลึ ก
คนเจ้าปัญญา ละ ชั่ ว เด็ดขาด และทำดีเป็นนิสัย โดยไม่ติดดี แล้วละแม้ความดีเข้าสู่ความบริสุทธิ์ จึงเห็น ที่สุดแห่งความเป็นจริงแท้แห่งโลกว่า ทุกสิ่งในโลกมีทั้งคุณ โทษ และ ความเป็นกลางอยู่ จึงบริหารสถานการณ์ได้ และทำใจได้ในทุกภาวการณ์
13.ว่าด้วยการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย
คน โ ง่ ชอบรวยทางลัด จึงจนอย่างรวบรัดเช่นกัน
คนฉลาด ชอบรวยเชิงระบบ ต้องอิงอาศัยระบบจึงจะรวย เมื่อระบบล่มก็ต้องล้มไปด้วย
คนเจ้าปัญญา ชอบรวยด้วยความยินดี จึงรวยในทุกระดับที่มี ได้ดูดซับคุณค่าของสิ่งที่มีอย่างแท้จริง รวย และ เป็นสุขเสมอ
14.ว่าด้วยคุณค่า
คน โ ง่ ยึดความชอบ หรือ ความไม่ชอบ เป็นสำคัญ เขาจึงได้รับความสุข และ ความทุกข์อันบีบคั้น เป็นของตอบแทน
คนฉลาด ยึดความถูก และ ความผิด เป็นสำคัญ เขาจึงได้รับ ศั ต รู ต่างความคิดเห็นเป็นรางวัล
คนเจ้าปัญญา ยึดประโยชน์สุขสำหรับทุกฝ่ายในทุกกาลเวลาเป็นสำคัญ เขาจึงได้รับศรัทธา และ มหามิตรเป็นกำนัล
15.ว่าด้วยพฤติกรรม
คน โ ง่ ชอบเรียกร้อง เขาจึงเป็นที่น่าเบื่อหน่าย และ น่า ส ม เ พ ช สำหรับคนทั้งหลาย
คนฉลาด ชอบต่อรอง เขาจึงเป็นที่ระแวง ระวังสำหรับคนทั้งหลาย คบหากันอย่างไม่จริงใจ
คนเจ้าปัญญา อาสา สละ เขาจึงเอาชนะใจคนทั้งหลาย และได้รับความรัก ความนับถือเป็นผลตอบแทน
ขอขอบคุณ d h a r m a – g a t e w a y