
วันก่อนพาลูกไปร้านเครื่องเขียน ลูกอยากได้กล่องดินสอลูกจึงไปเลือกกล่องดินสอแบบสุดหรู แต่ผมให้ซื้อแบบธรรมดาให้อยากได้ไม้บรรทัด ก็อยากได้แบบ วิ จิ ต ร พิ ศ ด า ร
ผมให้เลือกแค่แบบพื้นฐานที่ใช้งานได้เหมือนมาตรฐานทั่วไปลูกผมงี้หน้างอขึ้นมาทันที เพราะไม่ได้ในแบบที่ต้องการผมไม่ได้ว่าอะไร ตั้งใจก่อนนอนคืนนี้จะชี้แนะลูกด้วยการ
เล่านิทานเปรียบเปรยให้เข้าใจผมตั้งใจจะเลี้ยงลูกไม่ให้เหมือนแบบที่พ่อแม่คนอื่นเขานิยมทำกันที่มักไม่ยอมให้ลูกลำบาก ดูแลปกป้องแบบไข่ในหิน ประคบประหงมเกินพอดี
หลายปีผ่านไป ผมรู้สึกว่าวิธีการเลี้ยงลูกของผมจะลำบากมากขึ้นทุกวันจนกระทั้งวันหนึ่ง ผมได้ อ่ า น จดหมายฉบับหนึ่งที่โพสต์ลงในบอร์ดของมหาวิทยาลัยเขียนถึงลูกเขา
ที่เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้น แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อลูกจดหมายฉบับนี้มีคุณค่ามากในสายตาของผม ในจดหมายมีใจความอยู่ว่า……ถึงลูกรักของพ่อ…แม้ลูกจะทำให้พ่อทุกข์ใจเกินบรรยาย
แต่ลูกก็ยังเป็นลูกของพ่ออยู่วันยังค่ำหลังจากที่ลูกสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว…อาจเป็นเพียงคนเดียวของตระกูลเราในรอบหลาย ชั่ ว อายุคนที่ทำได้สำเร็จหลังจากนั้น
พ่อชักไม่แน่ใจว่าตกลงใครเป็นพ่อและใครเป็นลูกกันแน่พ่อช่วยแบกสัมภาระไปส่งลูกถึงหอพัก ช่วยกางมุ้ง ปูที่นอน ซื้อกับข้าวกับปลาต้องสอนแม้กระทั่งวิธีบีบยาสีฟันออกจากหลอด
ทั้งหลายทั้งปวงดูเหมือนว่ามันเป็นหน้าที่ที่พ่อสมควรต้องทำให้ ไม่ได้ยินคำว่าขอบคุณสักคำจากลูกตั้งแต่ต้นจนจบรู้สึกด้วยซ้ำว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่พ่อผู้ด้อยความสามารถ
คนนี้มีโอกาสได้รับใช้ลูก ที่บัดนี้ได้เป็นนักศึกษาผู้ทรงเกียรติไปแล้วปีแรกทั้งปี ที่บ้านได้รับจดหมายจากลูกสามฉบับ…ข้อความรวมกันแล้วอาจยาวกว่าข้อความในโทรเลขหนึ่ง
ฉบับสักหน่อยข้อความย่นย่อ ลายมือหวัด อ่ า น ยาก มีแต่คำว่า “เงิน” นี่ตั้งใจเขียนได้ชัดเจนที่สุดพอขึ้นปีที่สอง จดหมายมาแบบถี่ๆ ล้วนขอเงินเพิ่ม ลีลาการเร่งเร้า
ให้ส่งเงินข้อความที่เรียกร้องความเห็นใจ รับรู้ได้ถึงว่า หากเรียนจบแล้วลูกสามารถไปยึดอาชีพเป็นพวกเจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สินได้เยี่ยมแน่นอนแต่สิ่งที่ทำให้พ่อ เ จ็ บ ป ว ด
ที่สุดนั้น มาจากการที่ลูกอาจหาญถึงขั้นปลอมแปลงตัวเลขจำนวนเงินที่ต้องจ่ายค่าหน่วยกิตของมหาวิทยาลัย ไม่คิดว่าลูกจะใช้วิธีนี้มาหลอกขอเงินทองจากผู้เป็นพ่อแม่
ที่ให้กำเนิด เลี้ยงดู รักใคร่ลูกมาตลอดเพียงเพื่ออยากได้เงินเพิ่ม ไปเที่ยวผับ เที่ยวบาร์ และ ร้องคาราโอเกะ…คิดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็
เ จ็ บ ป ว ด เมื่อนั้น นอนไม่หลับ
สาเหตุก็มาจากลูกคนที่พ่อเลี้ยงดูด้วยมือจนเติบใหญ่ แต่กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าในร่างของนักศึกษาขอภาวนาในใจว่า นอกจากวิชาความรู้ต่างๆที่ลูกจะเรียนรู้จาก
สถาบันการศึกษาแล้วลูกจะกรุณาพัฒนาจิตใจให้เป็นคนซื่อสัตย์ และ กตัญญูรู้คุณด้วยก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด…หลังจากได้ อ่ า น จดหมายฉบับนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าผมยังต้องเดินหน้า
ทำตามนโยบายในการดูแลลูกตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก แม้จะรู้ว่ามันค่อนข้างลำบากในสังคมของเรามีอยู่วันหนึ่งเพื่อนในวัยเรียนที่ย้ายไปต่างประเทศกลับมาเยี่ยมบ้านมีโอกาสได้นั่งคุยกัน
เขาเล่าว่า คนต่างชาติที่เขาเจอมา พวกเขาเชื่อมั่นวิธีการเลี้ยงลูกแบบ “ จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน ”พวกเขาเชื่อว่า เด็กที่เติบโตขึ้นมาภายใต้การดูแลปกป้องมากไป
ของพ่อแม่เมื่อโตแล้ว จะไม่มีปัญญาที่สามารถยืนอยู่บนลำแข้งตัวเองและก็จะไม่มีวันสำนึกบุญคุณคนอื่น แม้กระทั่งพ่อแม่ตนก็ตามวันถัดมาเรามีโอกาสออกไปทำธุระด้วยกัน
เจอฝนระหว่างทาง เขาเห็นเด็กถูกห่อหุ้มด้วยผ้านวมอย่างหนากลมไปหมดทั้งตัว จนดูคล้าย “ ลูกบอลยัดนุ่น” เขาบอกว่า “เด็กควรจะใส่เสื้อผ้าน้อยกว่าผู้ใหญ่หน่อย ”
เขาเล่าว่าที่ต่างประเทศแม้หน้าหนาวก็จะไม่เห็นลูกใครที่ถูกห่อแบบ “ ลูกบอลยัดนุ่น ” เหมือนที่เห็นในวันแดดจ้าแม้ลูกจะนั่งอยู่ในรถเข็นแต่คนเป็นแม่ก็จะทำใจแข็ง
ไม่ยอมดึงที่บังแดดออกมากันแดดให้ลูก หากเห็นลูกวิ่งเล่นแล้วหกล้มเองพ่อแม่ก็จะยืนดูเฉยๆให้ลูกลุกขึ้นมาด้วยตัวเขาเอง ต่างๆนาๆล้วนพยายามให้ลูกฝึกแก้ปัญหาด้วยตัวเอง และ
อดทนกับปัญหาให้มากที่สุดไม่เหมือนพวกเราที่มีหลักการที่ยึดติดมานานกับนโยบายที่ว่า “ จะยากจนแค่ไหน ก็ไม่ยอมให้ลูกต้องลำบาก ” สงสัยจะถึงเวลาต้องทบทวนกันใหม่ได้แล้ว
การเลี้ยงลูกของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ตอนลูกยังเล็ก ยังไม่แข็งแรงบางชนิดอมลูกไว้ในปาก บางชนิดซุกลูกไว้ใต้ปีก กลัวลูกๆจะไม่ปลอดภัยแต่พอลูกเริ่มโตได้ที่แล้ว
พวกเขาจะไล่ลูกออกไปอย่างไร้เยื่อใยให้ลูกไปเผชิญกับโลกภายนอกเอง ไปฝึกวิทยายุทธเอง ไปเผชิญปัญหาและมรสุมทุกรูปแบบ แล้วชีวิตจะไม่เจอทางตัน เห็นหรือยังว่า
แม้แต่สัตว์ทั้งหลายก็ยังรู้ถึงหลักการ “ จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน ”ด้วยวิธีนี้จะฝึกฝนให้ลูกๆทั้งหลายรู้จักยืนอยู่บนลำแข้งตัวเองและรู้จักสำนึกและตอบแทนบุญคุณ
คนเป็นพ่อเป็นแม่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืม ถึงแม้คุณจะห่วงด้วยวิธีปกป้องหรือโอ๋ลูกขนาดไหนก็ตามคุณคงไม่มีปัญญาตามไปวุ่นวายหรือดูแลพวกเขาในช่วงครึ่งหลังของชีวิตเขา
เพราะตอนนั้นคงได้เวลาที่คุณจะได้หลับยาวไปแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงลูกคือ เราต้อง “รวย” และ “จน” ไปพร้อมๆกัน
รวยเวลา ในการดูแลลูก ให้เวลากับลูกมากๆ
รวยจิดใจ เปิดใจให้กว้าง รับฟังเขาให้มาก
รวยคุณธรรม ปลูกฝังจิตสำนึกต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และ ต่อสังคม
จนเงินทอง ลูกอยากได้อะไรอย่าซื้อให้ในทันที ต้องขัดใจบ้างให้ลูกได้เรียนรู้ว่า ทุกอย่างในโลกไม่สามารถได้ดั่งใจลูกได้จนคำพูด อย่าพูดพร่ำเพื่อ อย่าตำหนิด้วยอารมณ์
ตำหนิลูกด้วยเหตุผลประหยัดคำพูด อย่าพูดทุกคำที่คิด เพราะ ลูกจะนำไปคิด และ เลียนแบบในทุกคำที่พูดจนการกระทำ ลูกมักทำตามพ่อแม่เสมอ การกระทำไหนที่ไม่ดี
อย่าแสดงออกให้เด็กเห็น โดยเฉพาะ พ่อ แม่ สังเกตุง่ายๆที่บ้านไหนพ่อ ดื่ ม เ ห ล้ า สู บ บุ ห รี่ส่วนมากเมื่อโตขึ้นลูกก็มักจะ
ดื่ ม เ ห ล้ า สู บ บุ ห รี่ ด้วย
( ที่หนักสุดคือผมเคยเห็นพ่อกำลังสอนลูกว่า บุ ห รี่ มันไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ในมือของตัวเองกำลังคีบ บุ ห รี่ อยู่ ) จนฐานะ ให้ลูกตระหนักรู้เสมอว่า พ่อแม่ ไม่ได้มีพร้อมไปทุกอย่าง
อยากได้อะไรต้องแสวงหาเอง ลูกจะเรียนรู้การทำงานหนัก ความขยัน และ ความรับผิดชอบ
ที่มา : ขจรศักดิ์