
1.คนเราสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้
คนรวยหรือคนที่ประสบความสำเร็จมักคิดว่า เราสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้ โดยไม่ต้องรอให้โชคชะตา ดวง เทวดา สรวงสวรรค์ หรือสิ่งที่เรามองไม่เห็นมาเป็นผู้กำหนดตัวเอง เช่น การซื้อ ล็ อ ต เ ต อ รี่ เพื่อหวังรวยทางลัด หรือการพึ่ง ห ม อ ดู เพื่อทำนายโชคชะตา เป็นต้น
แต่ในทางกลับกัน คนที่ย ากจนมักจะโทษโชคชะตา สิ่งแวดล้อม หรือบุคคลรอบๆข้างว่า เป็นต้นเหตุแห่งความย ากจนหรือความล้มเหลวของตน หรือมักคิดว่าทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่เรื่องสำคัญเป็นเพียงของนอกกาย ต า ย ไปก็เอาไปไม่ได้
เมื่อใดที่คิดเช่นนี้สติปัญญาที่จะใช้ขวนขวายหาเงินหาทองก็ย่อมหมดไปเป็นธรรมดา ในขณะที่คนรวยกลับคิดเสมอว่า เมื่อปรารถนาสิ่งใดก็ต้องสร้างเหตุและปัจจัยมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ถ้ามัวแต่รอปัจจัยภายนอกแล้ว เมื่อไรสิ่งเหล่านั้นจะเกิดดอกและออกผล
2.มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
คนรวยคนประสบความสำเร็จจะกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจนว่า ตนเองจะมีเงินเท่าไร ในอีกกี่ปีข้างหน้า แต่คนทั่วไปมักจะคิดว่า ขอแค่มีเงินเดือนไว้แค่พอใช้ในแต่เดือนก็เพียงพอแล้ว
คนที่ประสบความสำเร็จมักมองการณ์ไกล มีความฝัน มีจินตนาการ และกล้าที่จะลงมือกระทำเพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของตน
3.เกิดมาแล้วต้องรวยและประสบความสำเร็จ
คนรวยจะคิดอยู่เสมอว่า เกิดมาแล้วต้องรวย ไม่ว่าจะต้องลงทุนลงแรงขนาดไหนก็ตาม ถึงแม้ตอนเกิดเราจะไม่สามารถเลือกได้ว่าเกิดมาแล้วจะรวยเลย
แต่เราสามารถกำหนดชีวิตของเราเองได้ว่าต้องการรวย ต้องการประสบความสำเร็จมากขนาดไหน แต่คนทั่วไปจะคิดเพียงแค่ว่า อย ากจะร่ำรวยแต่กลับไม่ขยันทำงาน เมื่อเจอปัญหาอุปสรรคก็มักจะบ่นและท้อถอยเพราะไม่ชอบทำงานหนัก
4.คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก
คนรวยจะคิดเสมอว่า ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ทั้งนั้นขอแค่เราเห็นโอกาสแล้ว ลองลงมือทำดูเท่านั้น
ไม่ว่าสิ่งนั้นย ากเพียงใดก็ตามแต่ และจะคิดหาหนทางในการพัฒนาสินค้าและบริการของตน เพื่อช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่คนหมู่มาก
5.มองหาโอกาสต่างๆ และไม่เสียเวลาไปกับปัญหาที่เกิดขึ้น
เมื่อเกิดปัญหา คนรวยจะพย าย ามหาโอกาส หรือช่องทางที่จะพลิก วิ ก ฤ ต ให้เป็นโอกาส ไม่ตีโพยตีพายหรือหมดหวังไปกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จจะนิ่งสงบ
เผชิญหน้ากับปัญหาอย่างมีสติ คิดพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วลงมือกระทำ และไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะว่าคนที่ประสบความสำเร็จรู้ว่าเวลามีความหมายต่อให้รวยแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อเวลาได้
6.ชื่นชมคนที่ประสบความสำเร็จเพื่อนำแนวความคิดมาปรับใช้ในชีวิตของตนเอง
คนรวยและคนที่ประสบความสำเร็จ สนใจและชอบที่จะศึกษาว่า คนที่เขาประสบความสำเร็จนั้นมีแนวคิดอย่างไร
และทำอย่างไรถึงได้ร่ำรวยขนาดนั้นและนำมาเป็นไอดอลหรือเป็นแนวคิดในแก่ตัวเอง มากกว่าการรู้สึกคิดอิจฉา ริ ษ ย า ในความสำเร็จของผู้อื่น
7.ชอบคบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดี
คนรวยจะชอบคบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดี เพราะเขาเหล่านั้นจะมีแนวความคิด คำพูด และการกระทำที่เต็มไปด้วยความหวัง คนที่มองโลกในแง่ดีจะมองสามารถเห็นโอกาสใน วิ ก ฤ ต เสมอ
และมักจะมองปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนคนที่มองโลกใน แ ง่ ร้ าย จะชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่และมองปัญหาว่า เป็นสิ่งที่จะนำมาซึ่งความหายนะ ยิ่งคิดก็ยิ่ง เ ค รี ย ด เกิดเป็นความท้อถอย ความอึดอัด จนต้องระบายความรู้สึกดังกล่าวออกมาในรูปของการกระทำต่างๆ
เช่น การก้าวร้าว ด่ า ท อ ติฉินนินทา อิจฉาริษย า หรือคอยจับผิดผู้อื่น เป็นต้น การมองโลกใน แ ง่ ร้ าย มากเท่าไร ยิ่งทำให้คิดอะไรไม่ออก ชีวิตก็ย่อมจะตกอยู่ในวังวนของความย ากจนข้นแค้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฉะนั้น คนที่ร่ำรวยจึงเลือกที่จะไม่สุงสิงกับคนที่มองโลกใน แ ง่ ร้ าย เพราะจะเป็นการเพาะเชื้อแห่งการมองโลกใน แ ง่ ร้ าย เข้าไปในจิตใจโดยไม่รู้ตัว
8.พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าและบริการของตัวเอง
คนรวยพร้อมที่จะนำเสนอสินค้าของตนเองให้ผู้อื่นได้รับรู้อยู่เสมอ เพราะพวกเขาเชื่อว่า การรอคอยให้ผู้อื่นเข้ามาสอบถามถึงสินค้าของเรานั้นเป็นการเสียเวลา คนรวยและประสบความสำเร็จมักอยู่กับปัจจุบัน พวกเขาจะไม่จมปลักอยู่กับเรื่องในอดีต
เพราะเขาตระหนักดีว่า ทุกอย่างในโลกล้วนเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และหากเขาหลงชื่นชมอยู่กับความสำเร็จในอดีต เขาก็จะประมาท หรือถ้าเขาหวาดกลัวหรือผิดหวังไปกับความล้มเหลวในอดีต เขาก็จะไม่กล้าที่จะทำสิ่งใดอีกต่อไป
ฉะนั้น พวกเขาจึงไม่สนใจกับเรื่องในอดีตมากนัก แต่จะสนใจว่า ตอนนี้ควรจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้นมากกว่า
9.มองปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา
คนรวยและประสบความสำเร็จจะมองปัญหาที่เกิดขึ้น เสมือนเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างสติปัญญาให้เฉียบคมมากขึ้น และเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความรู้ เพิ่มความสามารถให้แก่ตนเองอีกต่างหาก ประสบการณ์ในการแก้ปัญหาที่ผ่านมานั้นเอง
จะเป็นกำลังใจให้พวกเขากล้าที่จะทำในสิ่งใหม่และท้าทายมากยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามทุกๆ ปัญหาที่เขาต้องเผชิญนั้น พวกเขาจะคิดมาตรการเพื่อการป้องกันมิให้ปัญหานั้นเกิดซ้ำอีก
10.มีความเชื่อมั่นในตัวเอง
คนที่ร่ำรวยจะรู้สึกเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง พวกเขาจะรู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรบ้าง มีความสามารถทำได้แต่ไหน และจะลงมือทำอย่างสุดความารถของพวกเขาเองด้วยความเชื่อมั่น
11.ประเมินผลสำเร็จจากผลงานเป็นหลัก
คนรวยจะประเมินผลงานจากสินค้าที่ขายได้หรือผลกำไรของบริษัท แต่คนทั่วไปมักจะประเมินผลงานจากแรงงานที่ตัวเองเสียไป นอกจากนั้น คนทั่วไปมักเลือกที่จะเป็นลูกน้องในองค์กรที่มีความมั่นคง
เพื่อที่ว่าตนเองจะได้ไม่ต้องลงทุนหรือมีความ เ สี่ ย ง ในการทำธุรกิจมากนัก ในทางกลับกัน คนรวยจะทำงานในองค์กรสักระยะหนึ่งเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และหาโอกาสเปิดกิจการหรือมีธุรกิจเป็นของตนเองต่อไป
12.คิดหวังผลสองด้าน
คนรวยคิดว่า คนเราสามารถประสบความสำเร็จ มีความสุข และมีเวลาให้กับครอบครัวได้พร้อมๆกัน แต่คนทั่วไปกลับคิดว่า การที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง
เรื่องส่วนตัวเก็บไว้ทีหลัง การทำงานต้องเคร่ง เ ค รี ย ด เอาจริงเอาจัง จนทำให้ละเลยคนที่รอบข้างไปหมด ละเลยสุขภาพของตัวเอง นอกจากนั้น คนรวยคิดว่า ยิ่งมีเงินทองมากขึ้น ยิ่งช่วยเปิดโอกาสให้ได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมได้มากยิ่งขึ้น
แต่คนทั่วไปกลับคิดว่า การจะร่ำรวยได้จะต้องเกิดจากการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเสียเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาจึงมองว่าคนรวยคือคนที่ไม่ดี
13.คิดว่าตนเองมีราคาเท่าไร
คนรวยจะประเมินมูลค่าของตนเองจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมด หักลบกับหนี้สินทั้งหลาย ฉะนั้น คนรวยจึงคิดที่จะนำเงินไปลงทุนมากกว่านำไปใช้จ่ายจนหมด
เพราะการลงทุนถือว่าเป็นการเพิ่มพูนรายได้โดยที่มูลค่าเดิมก็ยังคงอยู่ ในทางกลับกัน เมื่อมีเงินทองคนทั่วไปมักคิดที่จะจับจ่ายใช้สอยหรือไปท่องเที่ยวมากกกว่าการเก็บออมหรือนำไปลงทุน
14.รู้จักวางแผนในการจับจ่ายใช้สอย
คนรวยจะวางแผนเก็บออมเงินใน ร ะ ย ะ ย า ว มากกว่าการนำเงินไปใช้ มีการคิดตลอดเวลาก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหรือเปลี่ยนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และในแต่ละวันแต่ละเดือน
จะมีการจดบันทึกค่าใช้จ่ายไว้อย่างสม่ำเสมอ เพราะจะทำให้เรารู้ว่า เราใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง แล้วสิ่งนั้นจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะช่วยให้อนาคตเราจะไม่ขัดสนและลำบาก
15.รู้จักใช้เงินอย่างฉลาด
คนรวยจะรู้จักบริหารเงินให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ไม่ใช่ว่าหาเงินมาได้มากเท่าไหร่ ก็ใช้ไปเท่านั้น หรือมี 100 บาทแต่ใช้ 500 บาทแบบนี้เป็นต้น
พวกเขาจะรู้จักหาวิธีที่สามารถช่วยทำให้เงินงอกเงย และช่วยเพิ่มพูนทรัพย์ให้พวกอย่างต่อเนื่อง รู้จักลงทุนโดยใช้ความคิดมากกว่าการใช้แรง
16.ไม่กลัวความล้มเหลว
คนรวยเมื่อเจอกับความล้มเหลวจะไม่ย่อท้อหรือหมดหวัง แต่จะตั้งสติ อดทน และพย าย ามหาหนทางแก้ไขและมองความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเหล่านี้นี่แหละ
เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เกิดแรง ก ร ะ ตุ้ น หรือเป็นตัวพัฒนาความรู้ ความสามารถของตัวเองมากกว่า แต่คนทั่วไปเมื่อเจอความผิดพลาด อุปสรรค ปัญหา
หรือความล้มเหลวจะยอมแพ้ รู้สึกท้อ ผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดว่าตนเองหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วในชีวิต และจะหยุดการพัฒนาตัวเองโดยจมอยู่แต่กับความล้มเหลว
17.เรียนรู้ตลอดเวลา
คนรวยจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาและไม่เคยคิดว่าตนเองเก่งแล้ว แต่คนทั่วไปจะคิดว่า ประสบการณ์จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถจึงทำให้หลงคิดว่าตนเองเก่งแล้ว
เพราะผ่านประสบการณ์การทำงานมาหลายปี ฉะนั้น จึงมักไม่ยอมรับการสั่งสอนหรือคำแนะนำจากคนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่มีประสบการณ์น้อยกว่า
เพราะถือว่าเป็นการเสียหน้าเป็นอย่างมาก ฉะนั้นอย่าลืมการเรียนรู้ตลอดเวลา ทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วเข้าไว้ เพื่อจะได้เรียนรู้ พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ขอขอบคุณ d r b o o n c h a i