
ถ้าพูดถึง ความเป็นผู้นำ หลายคนอาจนึกถึงคนที่มีความฉะฉาน มีการตัดสินใจที่เด็ดขาดฉับไว แต่ในอีกด้านหนึ่งการเป็นผู้นำ หรือการเป็นหัวหน้าหมายถึงการเป็นผู้ขับเคลื่อนกลุ่มก้อนของคนจำนวนหนึ่งเพื่อไปสู่จุดหมายหนึ่งๆ ในแง่นี้
ความเป็นผู้นำจึงหมายถึง ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนมนุษย์คนอื่นและก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ด้วยกัน
แต่ที่โชค ร้ า ย ก็คือทุกวันนี้ เราเห็นผู้คนในระดับหัวหน้าจำนวนมากยังไม่เข้าใจความเป็นผู้นำในแง่มุมนี้ หลายคนยังขาดทักษะมนุษยสัมพันธ์ (People Skill)
และ ความฉลาดทางด้านอารมณ์ (E m o t i o n a l I n t e l l i g e n c e ) และนี่คือ 5 สัญญาณของหัวหน้าที่ขาดทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์และอารมณ์
จนอาจสร้างความตึง เ ค รี ย ด โดยไม่จำเป็นและฉุดรั้งความสามารถของทีมโดยรวมลง
1. ยึดไอเดียของตัวเองเป็นที่ตั้ง
หัวหน้าที่ไม่เข้าใจลูกน้อง ไม่เห็นศักยภาพที่แท้จริง ของลูกน้อง มักจะเป็นคนที่เอาความคิดของตัวเอง เป็นที่ตั้งและไม่เปิดรับไอเดียใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นผล ร้ า ย ต่อบริษัทเพราะการจัดการแบบนี้จะทำให้ความคิดสร้างสรรค์ที่มักจะเกิดจากการระดมความคิดหลากหลายมุมมองมักจะไม่เกิดขึ้น
และที่สำคัญคือสมาชิกในทีมก็จะไม่ได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองเพราะ ไม่ได้ขัดเกลาทักษะในการคิดและลงมือทำด้วยตัวเองและที่สำคัญก็อาจจะกระทบกับ สุ ข ภ า พ จิ ต เพราะบรรยากาศทีมไม่ได้สร้างความรู้สึกที่ว่าเรามีคุณค่ามากเพียงพอ
2. เป็นผู้พูดที่ฟังไม่เป็น
อีกหนึ่งความผิดพลาดของหัวหน้า คือการเป็นผู้พูดที่ฟังไม่เป็น ไม่เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น และถ้า แ ย่ ไปกว่านั้นก็อาจถึงขั้นไม่ฟังข้อผิดพลาดของตัวเอง
และไม่ยอมรับข้อเสนอแนะเชิงสร้างสรรค์จากคนอื่น ซึ่งแน่นอนว่านอกจากจะไม่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ยังอาจสร้างบรรยากาศการทำงานที่น่าหน่ายใจ
3. ไม่ส่งเสริมคนในทีม
หัวหน้าที่ขาดความสามารถจะไม่เข้าใจ ว่าลูกน้องแต่ละคนเป็นอย่างไร และสามารถส่งเสริมศักยภาพอย่างไรได้บ้าง จึงไม่สามารถมอบงานหรือให้คำแนะนำ ที่เป็นประโยชน์ต่อการศักยภาพได้ในทางกลับกันหัวหน้าที่ดีจะมอบโอกาสให้กับคนในทีมไม่ว่าจะเป็นการมอบหมายงาน
การให้คำแนะนำที่เหมาะสม ไปถึงการสอนงานแบบจริงจัง แน่นอนว่านอกจากพนักงาน แต่ละคนจะได้พัฒนาตัวเองภายใต้หัวหน้าแบบนี้แล้ว บรรยากาศการทำงานภายในทีมก็จะดีเพราะทีมจะทราบว่านี่คือพื้นที่แห่งโอกาส
4. จู้จี้จุกจิก
หัวหน้าที่ขาดความสามารถอาจจะเข้าใจผิด คิดว่าการจัดหมายถึงการควบคุม และแน่นอนการควบคุมชนิดที่จับผิดการกระทำทุกฝีก้าว ควบคุมทุกกระบวนการ และจี้ข้อผิดพลาดที่ไม่ได้สลักสำคัญแทนที่จะมองดูภาพรวม ทำให้บรรยากาศภายในทีม แ ย่ ลง
ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาคือการที่ลูกทีมแสดง ศักยภาพได้ไม่ดีเหมือนเดิมในทางตรงกันข้าม ถ้าหัวหน้าเปลี่ยนจาก “ควบคุม” เป็น “ส่งเสริม” ให้ลูกทีมได้มีอิสระ และอำนาจที่จะตัดสินใจและทำงานด้วยตัวเองมาก
เพียงพอศักยภาพและความสร้างสรรค์ของทีมก็จะถูกปลดปล่อยออกมา สิ่งที่สำคัญคือหัวหน้าต้องเข้าใจ ลูกทีมว่าถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร และควรจะส่งเสริมและให้คำแนะนำอย่างไร
5. ไม่ว่างตลอดเวลา
สัญญาณสุดท้ายของหัวหน้า ที่ไม่ดีคือหัวหน้าที่มักจะไม่มีตัวตนและหายไปกับงาน “สำคัญ” หรืองาน “ด่วน” อยู่เสมอ
โดยไม่ได้ให้ความสนใจว่าการพบปะและทำงานร่วมกับคนในทีมก็เป็นอีกหนึ่งงานสำคัญที่จะทำให้ทีมก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ด้วยกัน
ขอขอบคุณ I n c