
การเป็นหัวหน้าทีมงาน นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะมันมากับความรับผิดชอบและเรื่องราวมากมายที่จะต้องจัดการ ไหนจะภาระงานของตัวเอง ไหนจะเรื่องราว ของคนในทีมด้วย ผมเองก็ต้องยอมรับว่าตัวเองก็ไม่ใช่หัวหน้าที่ดีสมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง
บางอย่างก็ยังต้องปรับปรุงแก้ไข และต้องเรียนรู้กันต่อไป อย่างไรก็ตาม เราวันนี้ขอนำแนวคิดเรื่อง การเป็นหัวหน้าที่ผมเรียนรู้มาจากประสบการณ์ตัวเอง จากหนังสือที่ผมอ่าน และจากที่ครูของผมเคยได้แนะนำไว้มา แ บ่ ง ปั น แล้วกันนะครับ
1. ทำให้ลูกน้องเก่งกว่าเรา
เรื่องนี้อาจจะเป็นความท้าทาย อย่างมาก แต่มันเป็นทัศนคติอย่างหนึ่งที่ครูผมเคยสอนไว้ เพราะการเป็นหัวหน้าก็เหมือนกับ การเป็นครูของลูกน้องเหมือนกัน และความสำเร็จของครูคือการได้มีลูกศิษย์ที่เก่งกว่าครู
ฉะนั้นลองถามตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าเราสอนและทำให้ลูกน้องเรา เก่งกว่าเราได้หรือไม่ เราทำให้พวกเขาเก่งขึ้นอีกได้ไหม การวางทัศนคตินี้จะทำให้เกิดการพลักดันทีมไปข้างหน้าอยู่เสมอๆ นั่นเอง
2. อย่าคาดหวังให้ลูกน้องรัก
คนเป็นหัวหน้าบางคน อยากให้ลูกน้องรัก บ้างก็อยากให้ลูกน้องเห็นดีเห็นงามตาม บ้างก็อยากเพื่อรักษาอำนาจของการเป็นหัวหน้าไว้ เพราะลูกน้องจะไม่หือไม่อือ แต่เอาจริงๆ วิธีนี้จะทำให้เกิดนิสัยหรือวัฒนธรรมผิดๆ กันได้ง่ายๆ ผมเชื่อว่าหัวหน้าที่ลูกน้องรักไม่ได้คาดหวังว่าจะทำให้ลูกน้องรัก
แต่มันคือการประพฤติตน เป็นแบบอย่างและทำให้ลูกน้องเข้าใจว่าตัวเองทำอะไร ต้องการอะไร และทำไมถึงต้องทำอย่างนั้น ซึ่งความรักและเคารพ จะเกิดขึ้นจากการที่ลูกน้องมองเห็นสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่การพยายามเอาอกเอาใจหรือประคบประหงม
3. ติในที่ลับ ชมในที่แจ้ง
ผมมักจะได้ยินเรื่องราวจากเพื่อนๆ หลายคน ของกรณีที่หัวหน้างานทำการ “ประจาน” ลูกน้องตัวเองให้คนอื่นได้ยิน ซึ่งมันอาจจะเป็นสิทธิ์ ของหัวหน้าที่จะทำอย่างนั้นก็ได้ แต่คำถามคือการทำให้ลูกน้องได้อายต่อคนอื่นจะได้ประโยชน์อะไร มันจะทำให้พวกเขาทำงานดีขึ้น หรือจะทำให้พวกเขากลัวมากขึ้น?
คำสอนนี้ เป็นสิ่งที่อาจารย์ทางธุรกิจของผมเคยสอนไว้ เพราะไม่มีใครชอบที่จะถูกวิจารณ์ต่อหน้าผู้อื่น ทางที่ดีเรียกเขาไปคุย และชี้แจงปัญหาในที่ลับ และในทางกลับกัน หากเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ก็ควรจะให้เรื่องของเขาได้เป็นที่รู้ของทุกคน (แต่ก็ต้องระวังว่าจะกลายเป็นเรื่องอวยลูกน้องคนใดคนหนึ่งเหมือนกันนะครับ)
4. ปกป้องแต่ไม่ใช่สปอย
หลายคนคงอยากเป็น หัวหน้าที่ลูกน้องรัก แต่การที่ลูกน้องรักอาจจะไม่ได้แปลว่าเราเป็นหัวหน้าที่ดี เพราะการรักอาจจะเกิดขึ้น จากการที่ลูกน้องรู้สึกสบาย หัวหน้าไม่เอาผิดเอาโทษ ทำอะไรก็ได้ แถมหัวหน้าก็เห็นดีเห็นงาม หรือหัวหน้าก็ช่วยเปลี่ยนผิดเป็นถูกได้ (ฟังไปอาจจะคิดว่าไม่น่าจะมีจริง แต่เชื่อเถอะฮะว่ามันมีแบบนี้อยู่จริงๆ)
การปกป้องลูกน้องจึงไม่ใช่เรื่องของการสปอย แต่มันคือการทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ ในการทำงาน เพราะเราต้องไม่ลืมว่าลูกน้องเอง ก็ต้องออกไปสู้กับศึกต่างๆ ของเขา ถ้าหัวหน้ายังเป็นทำหน้าที่ทำให้พวกเขาหมดความมั่นใจ ก็คงจะทำให้พวกเขาไม่กล้าจะคิดหรือทำงานอะไรขึ้นมาหรอกนะครับ
5. มองให้เห็นอนาคตข้างหน้า และนำทีมไปให้ถึงตรงนั้น
การเป็นหัวหน้าย่อมมาพร้อมกับหน้าที่ ที่ต้องเป็นผู้นำ แต่การจะเป็นผู้นำโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทางไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก การมีวิสัยทัศน์อาจจะไม่ใช่เรื่องที่สร้างกันง่ายๆ
แต่มันก็ควรเป็นสิ่งที่คนเป็นผู้นำควรระลึก และพยายามบอกตัวเองอยู่เสมอให้มีภาพนั้นและนำพาทีม ไปให้ได้ ไม่ใช่การให้อยู่ไปวันๆ โดยตอบไม่ได้ว่าจะอนาคตจะเป็นอย่างไร
ขอขอบคุณ n u t t a p u t c h