
1. ไม่ค่อยใช้เงินซื้อความสุขเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทาง แต่เก็บเงินเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า
ความสุขเล็กๆ น้อย เช่น ซื้อเสื้อผ้า ช็อปปิ้ง ซื้อมือถือ ดูหนัง กินบุฟเฟ่ต์แพงๆไปท่องเที่ยว แล้วอัปเดทชีวิตด้วยรูปหรูๆ ลงในโซเชียล สิ่งเหล่านั้น เป็นของที่ทำให้เรามีความสุขจริง ( แต่แค่ความสุขเพียงระยะสั้น ) ไม่ใช่ความสุขถาวร ไม่นานเราก็ต้องโหยหามันอีก
ก็ไม่พ้นการกลับไปทำงานเก็บเงิน แล้วเอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย วนเวียนอยู่แบบนี้ แต่จะแบบไหนมันก็ไม่ผิดหรอก ต่างคนต่างความคิดกัน ความสุขต่างกัน แต่แค่จะทำให้เงินเก็บเราน้อยลง และ ลำบากมากขึ้นในอนาคตข้างหน้าเท่านั้นเอง
2. อดเปรี้ยวไว้กินหวาน
หากได้ไปตามติดชีวิต พวกเขาดูจะรู้เลย ว่าความเป็นอยู่ของพวกเขานั้น กินง่าย อยู่ง่าย เช่าห้องพักแบบแค่พอนอนหลับ พวกผ่อน เพราะพวกเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าแค่ที่นอนและห้องน้ำ
เวลาส่วนใหญ่ของพวกเขาคือ ทำงาน และ ทำงาน อย่างเอาจริงเอาจังมากๆ ห้อง 1 ห้อง ที่เราอยู่ได้แค่ 1-2 คน พวกเขาอาจอยู่อาศัยกัน 4-5 คน เลย ยิ่งอยู่กันเยอะ ยิ่งมีคนช่วยหารค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ
และซื้อกับข้าวมาตั้งวงกินรวมกัน ประหยัดค่าอาหารไปในตัวด้วย
3. ทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีเงินจริงๆ
จะเก็บเงินได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาเงิน ไปไว้ที่ไหน เพราะ เงินมันไม่มีขามันเดินออกจากกระเป๋าเราเองไม่ได้ หมายความว่า… พวกเขาจะไม่ยอมส่งเงินที่หามาได้ด้วยความยากลำบากไปให้อยู่ในกระเป๋าคนอื่นได้โดยง่าย
เช่น การไปซื้อของใช้ราคาแพง ซื้อของฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นมาใช้ในทุกๆ เดือน พวกเขาจะส่งเงินกลับบ้านเกิดเพื่อนำไปเก็บไว้ตลอด และ เก็บติดตัวไว้เพียงเล็กน้อยเพื่อใช้จ่ายต่อเดือนเท่านั้น ยิ่งเห็นว่าเงินมีน้อยก็ยิ่งเป็นการกดดัน ให้ตัวเองต้องประหยัด และ ขยันมากขึ้น
4. ความกตัญญู คืออีกปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จ
อีกเรื่องที่น่าสนใจ คือ ความกตัญญู การส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวที่จากมา เพื่อชีวิตพวกเขาจะได้ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น ส่งเงินกลับไปให้ พ่อ-แม่ ปลูกบ้านหลังใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
หรือบางคนส่งเงิน กลับไปให้ทางบ้านเพื่อไปซื้อรถบรรทุกขนส่งข้าว ไว้ใช้รับจ้างคนในหมู่บ้านเป็นการนำเงินไปต่อยอด ให้ทางบ้านมีงานทำ มีรายได้เพิ่มอีกทางไปในตัว
5. แนวคิดการเก็บเงินเป็นสิ่งของ
เก็บเงินเป็นสิ่งของเงินไม่หายไปไหน เป้าหมายอยู่ครบ สังเกตไหมว่าทุกเทศกาล หรือ หยุดยาว พวกเขาจะหอมข้าวหอบของเดินทางกลับบ้าน เกิดทีละมากๆ เพราะ พวกเขาทยอยซื้อสะสมไว้
ของบางชิ้นจึงซื้อเก็บไว้สองปีกว่า จะได้หอบหิ้วกลับก็มีเพราะ การเห็นเงินมากๆ ก็อาจจะทำให้เราเผลอใช้จ่ายง่ายๆ เจออะไรก็อยากได้ไปหมด จนกระทั่งเงินหมดแล้วไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันกลับมา
ซึ่งการเก็บเงินในรูปแบบสิ่งของที่ได้ใช้ประโยชน์ และ จับต้องได้
6. สะสมความมั่งคั่งด้วย “ ทองคำ ”
ท อ ง ไ ท ย ไม่ได้ไป พ ม่ า คราวเสียกรุงศรี แต่จะไปในช่วงนี้แหละ เพราะทองคำแบรนด์เรามี เปอร์เซ็นต์ทองสูงกว่า ช า ว พ ม่ า จึงนิยมซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน หากสังเกตดีๆ ร้านทองบางแห่งก็ติดประกาศเป็น ภ า ษ า พ ม่ า ด้วยอีกทั้งทองยิ่งเก็บไว้ยิ่งมีมูลค่า
มีราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนเก็บเงินสด ที่มีแต่จะลดลงตามอัตราเงินเฟ้อ อีกทั้ง ซื้อ-ขาย แปลงเป็นเงินสดได้ง่าย จึงเป็นอีกทางเลือกที่พวกเขานิยม สำหรับพวกเขาแล้ว วิธีอวดรวยของเขา อาจไม่ใช่เที่ยวบ่อยแค่ไหน กินของแพงเท่าไร ใช้ของแบรนเนมทั้งตัวมั้ย
หากแต่เป็นการมีบ้าน มีรถ มีธุรกิจเล็กๆ สัก สอง สาม อย่าง เป็นของตนเอง สิ่งเหล่านี้ต่างหากคือ สิ่งอวดรวยของพวกเขา เป็นการทำงานอย่างมีเป้าหมายและวินัยอย่างสูงเพื่อพลิกชีวิตและฐานะความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น นับว่าน่าชื่นชมและนำมาเป็นแบบอย่าง
ขอขอบคุณ b i t c o r e t e c h