
ไม่ว่าคุณนั้นจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือเป็นฟรีแลนซ์ หลายคนคงเคยประสบปัญหา
เงินไม่พอใช้ถึงปลายเดือน พอไม่พอใช้ก็ต้องหาทางกู้หนี้ยืมสินกันมา กลายเป็นหนี้
แบบไม่รู้จบเพราะฉะนั้นวันนี้เรามีการบริหารหนี้ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้มาฝากกัน
รับรองว่า ถ้าคุณทำอย่างสม่ำเสมอ คุณจะมีเงินเหลือใช้ถึงปลายเดือนและมีเงินเก็บ
มากขึ้นแน่นอน
1. รู้ยอดหนี้ทั้งหมด จะช่วยให้คุณบริหารจัดการหนี้ทั้งหมดได้ดี
หากคุณนั้นเป็นคนหนึ่งที่มีเงินไม่พอใช้ถึงปลายเดือน คุณคงต้องจัดการอะไรสักอย่าง
อย่างเช่น การดูภาระหนี้ทั้งหมดของคุณ ตั้งแต่เงินต้น ด อ ก เ บี้ ย วันที่ต้องชำระเงิน
จำนวนการผ่อนขั้นต่ำของยอดหนี้ที่คุณมีอยู่ และอย่าลืมดูรายจ่ายประจำที่เรา
ต้องใช้หักจากรายได้ที่ได้ และหักด้วยภาระหนี้อีกครั้ง ก็ทำให้เรารู้ว่าในแต่ละเดือน
เราต้องจ่ายหนี้ทั้งหมดเท่าไร
2.จดบันทึกเรื่องของการใช้จ่าย
ให้คุณนั้นจดบันทึกค่าใช้จ่ายของคุณเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น
ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ตต่างๆ รวมไปถึงค่าผ่อนชำระ บั ต ร เ ค ร ดิ ต ต่างๆ ด้วย
และอย่าลืมค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆอย่างเช่น ค่าจอดรถ ค่าขนมต่างๆ หรืออาจใช้
ตัวช่วยบันทึกรายรับ รายจ่ายช่วยออมเงินสุดเทพอย่าง 5 แอพฯ บันทึกรายจ่าย
ใช้ง่าย ออมเงินได้มากขึ้น เพื่อให้คุณได้เรียนรู้ว่า คุณนั้นมีพฤติกรรมการใช้เงิน
เป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้คุณนั้นลดค่าใช้จ่ายบางอย่างลงไป ช่วยเพิ่มเงินให้คุณได้
3. เริ่มลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้เงิน
ถึงแม้ว่าจะทำได้ยากในช่วงแรก แต่หากคุณนั้นลองปรับพฤติกรรมการใช้เงินดู
รับรองเลยว่า คุณจะมีเงินเหลือใช้แน่นอน อย่างเช่น หากที่บ้านและที่ทำงาน
ของคุณมี wifi อยู่แล้วคุณก็อาจจะลดแพ็คเกจเน็ตในมือถือให้น้อยลง
เลือกที่จะทาน อ า ห า ร ที่ทำเอง หรือลดกาแฟราคาแพงลงบ้าง จะช่วยให้
คุณมีเงินเหลือมากยิ่งขึ้น
4. เงินเหลือมากขึ้นก็ต้องเริ่มวางแผนการเงินให้ดีขึ้น
หากคุณมีหนี้ บั ต ร เ ค ร ดิ ต ที่ยังต้องชำระอยู่ แต่มีเงินพอเหลือในแต่ละเดือนแล้ว
ให้นำเงินไปชำระเพิ่มใน บั ต ร เ ค ร ดิ ต ที่มีอัตรา ด อ ก เ บี้ ย สูง เพื่อให้หนี้
หมดไวขึ้นหรือหากคุณนั้นมีเงินพอจะใช้หนี้บัตรแบบขั้นต่ำอยู่แล้ว และก็พอมี
เงินเหลือใช้แบบเดือนชนเดือน ก็ให้นำเงินส่วนที่พอเหลือนั้นออมไว้ เพื่อใช้ใน
ย า ม ฉุ ก เ ฉิ น จะได้ไม่ต้องไปกู้ยืมให้เป็นหนี้เพิ่มอีก
5. อย่าหยุดชำระหนี้เด็ดขาด เพื่อรักษาเครดิตของคุณ
อย่างน้อยถ้าเดือนไหนไม่ค่อยมีก็ให้ชำระแบบขั้นต่ำไปก่อน เดือนไหนมีมากก็
ให้ชำระเพิ่มไป แต่ว่าอย่าหยุดชำระนี้เด็ดขาด เพราะอาจจะกลายเป็นหนี้เสีย
ส่งผลให้เครดิตของคุณไม่ดี จะกู้สินเชื่ออะไรในอนาคตคงลำบาก
6. สองเหตุผลที่คุณไม่ควรรีไฟแนนซ์หนี้ รู้ไว้ซะ
การรีไฟแนนซ์หนี้ เป็นการรวมหนี้ไว้ก้อนเดียวและผ่อนชำระ ซึ่งส่วนใหญ่จะมี
ระยะเวลาในการผ่อนที่ ย า ว น า น ดูเหมือนว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้คุณได้
แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดเลย เพราะว่า
– ด อ ก เ บี้ ย ของยอดเงินต้นจากหลายๆ ที่ จะกลายมาเป็นเงินต้นของ
การรีไฟแนนซ์หนี้ ถึงการรีไฟแนนซ์หนี้ของคุณจะมี ด อ ก เ บี้ ย น้อยก็จริง
แต่ระยะเวลาที่ต้องผ่อนนานๆ ด อ ก เ บี้ ย ก็ไม่ได้ลดลงตามไปด้วย
เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่า ร ะ ย ะ ย า ว อาจจะผ่อนไม่ได้ก็ไม่ควรไปรีไฟแนนซ์หนี้
– ถ้าคุณคิดจะทำการรีไฟแนนซ์หนี้ เพราะต้องการนำมาปิด บั ต ร เ ค ร ดิ ต
เมื่อคุณได้เงินมาแล้ว คุณจะต้องปิดให้หมด ถ้ายังหลงเหลืออยู่
สุดท้ายคุณก็ต้องกลับมาเป็นหนี้ บั ต ร เ ค ร ดิ ต อยู่ดี
และลองคิดดูคุณจะต้องจ่ายทั้งค่า บั ต ร เ ค ร ดิ ต และเงินที่กู้มาเพื่
อรีไฟแนนซ์อีก เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การรีไฟแนนซ์ ควรเป็น
ทางเลือกสุดท้ายของคุณ
ทั้งหมดนี้คือการบริหารจัดการหนี้ ที่คุณสามารถทำได้ เพียงแต่ว่าต้องมีวินัย
ในตนเองพอสมควร เพื่อให้คุณนั้นมีเงินเหลือมากพอที่จะชำระหนี้และ
เหลือไว้ใช้จ่ายและเก็บออม โดยเดือดร้อนน้อยที่สุด
ที่มา : u n d u b z a p p