
1. ลาออกตอนไหนดี?
ถ้าถามว่า ควรลาออกตอนไหนดี คำถามนี้มีเรื่องต้องพิจารณา 2 เรื่องด้วยกันคือ
– ที่ทำงานปัจจุบัน จะจ่ายโบนัสให้เมื่อไร เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่าควรจะลาออกก่อนหรือหลังได้รับโบนัส ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่มักจะจ่ายโบนัสในช่วงเดือนธันวาคมพร้อมกับเงินเดือน
คนส่วนใหญ่ จึงมักลาออกหลังจากได้รับโบนัสเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิตรงนี้ไป แต่หากที่ทำงานใหม่ต้องการให้เราไปเริ่มงานก่อนล่ะแบบนี้คงต้องพิจารณาก่อนว่า
สิ่งที่เราจะได้รับกลับมาจากที่ทำงานใหม่ ทั้งเงินเดือน โบนัส และผลตอบแทนต่างๆ คุ้มค่ากับโบนัสจากที่ทำงานปัจจุบันที่ต้องเสียไปหรือไม่
– ที่ทำงานใหม่ มีช่วงทดลองงาน (Probation) กี่เดือน และเราต้องเริ่มงานเดือนไหนถึงจะมีสิทธิได้รับโบนัสหรือได้ขึ้นเงินเดือนประจำปี ซึ่งแน่นอนว่าเกณฑ์การได้รับโบนัสหรือขึ้นเงินเดือนของพนักงานใหม่ของแต่ละบริษัทย่อมมีความแตกต่างกัน
คำถามนี้เราจะได้คำตอบจากการเช็กข้อมูล จากฝ่ายบุคคลของที่ทำงานใหม่ก่อน เพื่อนำข้อมูลมาตัดสินใจเลือกช่วงเวลาที่จะยื่นใบลาออกเพื่อไปเริ่มงานใหม่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมนั่นเอง
2. เงินเดือนขึ้นเท่าไร คุ้มไหม?
สำหรับคำถามนี้เราต้องรู้ก่อนว่า ที่ทำงานใหม่ให้เงินเดือนเท่าไร เพิ่มขึ้นจากเดิมกี่เปอร์เซ็นต์ คุ้มไหมที่จะไป ซึ่งมีเรื่องต้องคิดดังนี้
– เงินเดือน โบนัส และผลตอบแทนต่างๆ ที่จะได้รับจากที่ทำงานใหม่ เป็นอย่างไร น่าสนใจหรือไม่
– ที่ทำงานใหม่อยู่ใกล้หรือไกลกว่าเดิม อยู่ในเมืองหรือนอกเมือง การจราจรติดขัดไหม ต้องใช้เวลาเดินทางนานแค่ไหน หากที่ทำงานใหม่อยู่ไกลกว่าเดิม
ต้องใช้เวลาเดินทางมากขึ้น ค่าเดินทางไปกลับที่ทำงานใหม่ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน หรือค่าโดย ส า ร รถสาธารณะต่างๆ ก็อาจสูงขึ้นตามไปด้วย
– ค่าครองชีพสูงขึ้นหรือไม่ เช่น ค่า อาหาร เช้า อาหาร กลางวัน ค่าขนมและเครื่องดื่มต่างๆ อาจสูงขึ้นได้ หาก ที่ทำงานใหม่อยู่ในเมืองหรืออยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า
– วิถีชีวิตเปลี่ยนไปไหม เช่น ต้องตื่นเช้าขึ้น เผชิญกับรถติด ทำให้ถึงบ้านดึกกว่าเดิม หรืออาจต้องทำงานวันเ ส า ร ์-อาทิตย์บ้าง ทำให้เวลาในการได้อยู่กับครอบครัว
หรือเวลาที่ได้พบปะ เพื่อนฝูงอาจเปลี่ยนไปปัจจัยต่างๆ เหล่านี้เราต้องนำมาพิจารณาให้รอบด้าน ทั้งในด้านของตัวเงินและด้านที่ไม่ใช่ตัวเงินว่าคุ้มค่าหรือไม่กับการลาออกไปทำงานที่ใหม่
3. สิทธิและสวัสดิการที่ใหม่เป็นอย่างไร?
นอกจากเงินเดือน โบนัส และผลตอบแทนต่างๆ แล้ว เรื่องสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ของที่ทำงานใหม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ควรนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจด้วยเช่นกัน ซึ่งได้แก่
– สิทธิวันลา เช่น ลาพักร้อน ลากิจ ลา ป่ ว ย ลาคลอด ของที่ทำงานใหม่เป็นอย่างไร
– สวัสดิการต่างๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินกู้ เงินช่วยเหลือ ของที่ทำงานใหม่มีหรือไม่ หากมีสวัสดิการต่างๆ นั้นมีเงื่อนไขอย่างไร
เช่น ค่ารักษาพยาบาลเบิกได้เท่าไร ครอบคลุมคนในครอบครัวด้วยไหม
– สิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของที่ทำงานใหม่มีไหม หากมี มีเงื่อนไขการจ่ายเงินสะสม และเงินสมทบ รวมถึงมีนโยบายการลงทุนเป็นอย่างไร
4. เนื้องานที่ใหม่เป็นอย่างไร?
เมื่อมองในมุมเงินเดือน โบนัส ผลตอบแทนต่างๆ รวมถึงสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ของที่ทำงานใหม่แล้วในส่วนของเนื้องาน
หรือลักษณะงานก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่
– ลักษณะงานใหม่มีความเหมือนหรือแตกต่างจากลักษณะงานปัจจุบันมากน้อยแค่ไหน หากมีความเหมือนกันก็ถือเป็นการต่อยอด ความรู้ความเชี่ยวชาญที่เรามีอยู่ก่อนหน้า
แต่หากลักษณะงานมีความแตกต่างจากปัจจุบันมาก ต้องถามตัวเองว่าเราชอบงานนี้ไหม ทำได้ไหม และอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับลักษณะงานใหม่จนกว่าจะเข้าที่เข้าทาง
– ลักษณะการทำงานเป็นการนั่งทำงานในออฟฟิศ หรือต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ เช่น ต้องไปหาลูกค้า ไปพบลูกค้าบ่อยครั้งแค่ไหน แล้วเราชอบหรือเหมาะกับการทำงานแบบไหนมากกว่ากัน
ทั้งนี้ ไม่ควรลาออกหรือย้ายงานตามเพื่อนหรือตามเจ้านายเดิม หากลักษณะงานที่ใหม่ไม่เหมาะกับเรา รวมถึงอย่าลาออกด้วยอารมณ์เพียง ชั่ ว วูบ
อยากให้พิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ รวมถึงดูโอกาสความก้าวหน้า ในอาชีพหรือสายงานของที่ทำงานใหม่ด้วย
5. วัฒนธรรมองค์กรที่ใหม่เป็นอย่างไร?
เรื่องวัฒนธรรมองค์กร ของที่ทำงานใหม่ก็เป็นอีกเรื่องที่เราควรหาข้อมูลไว้ล่วงหน้าว่าเป็นอย่างไร เหมาะกับเราหรือไม่ ก่อนไปเริ่มงานใหม่ ซึ่งได้แก่
– หัวหน้างาน ทีมงาน หรือเพื่อนร่วมงานใหม่เป็นอย่างไร คนส่วนใหญ่อยู่ในวัยไหน มีสไตล์การทำงานอย่างไร
– กฎระเบียบ การแต่งกาย เวลาเข้างาน ออกงาน การทาน อาหารหรือขนมระหว่างวัน มีความเคร่งครัดมากน้อยแค่ไหน
– ระบบงานที่ทำงานใหม่เป็นอย่างไร เหมาะกับตัวเราหรือไม่
6. เช็กภาระก่อนลาออก
ก่อนตัดสินใจลาออก ลองดูซิว่าเรามีภาระผูกพัน กับที่ทำงานปัจจุบันหรือไม่ เช่น หากเราเคยขอเงินกู้สวัสดิการจากที่ทำงานปัจจุบัน อย่างการกู้เงินมาซื้อบ้าน ซื้อรถ และปัจจุบันยังชำระหนี้ไม่หมด
ก็ควรวางแผนจัดการปิดหนี้ให้เรียบร้อยก่อนลาออก สำหรับคนที่ต้องการขอสินเชื่อใหม่ เช่น วางแผนจะซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือสมัครบัตรเครดิต เร็วๆ นี้ ช่วงย้ายงานแรกๆ อาจยังไม่สามารถขอสินเชื่อได้
เพราะยังไม่ผ่านการทดลองงาน หรืออายุงานยังไม่ถึงเกณฑ์การขอสินเชื่อ ดังนั้น ควรวางแผนการขอสินเชื่อให้ดีก่อนตัดสินใจลาออก
7. เก็บตกเอก ส า ร ที่ทำงานปัจจุบันและคืนเครื่องใช้อุปกรณ์ต่างๆ
สุดท้าย อย่าลืมจัดการ เรื่องเอกสาร สำคัญให้เรียบร้อยและเก็บตกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ดังนี้
– เตรียมขอเอกสาร ที่จำเป็นจากที่ทำงานปัจจุบัน เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองการทำงาน หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นต้น
เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการกลับมาดำเนินเรื่องขอเอกสาร ต่างๆ ภายหลัง
– เตรียมเคลียร์งาน ส่งต่องาน เก็บของมีค่า ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ และคืนอุปกรณ์สำนักงาน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เครื่องเขียน รวมถึงคืนบัตรพนักงานให้กับฝ่ายบุคคลของบริษัทการลาออกอาจไม่ใช่ทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงาน และก่อนตัดสินใจลาออกมีเรื่องต้องคิดมากมาย
ดังนั้น ควรพิจารณาให้รอบคอบและถี่ถ้วน โดยการเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียต่างๆที่จะเกิดขึ้น ทั้งในแง่ของตัวเงินหรือผลประโยชน์ที่จะได้รับ รวมถึงวิถีชีวิต หรือคุณภาพชีวิตที่อาจเปลี่ยนไปว่าคุ้มค่าหรือไม่ ก่อนตัดสินใจลาออกหรือเปลี่ยนงาน
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวเราเอง จะได้ไม่กลับมานั่งเสียใจในภายหลังเพราะว่าเราได้คิดมาอย่างดีแล้ว และเราเป็นผู้กำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเราเอง
ขอขอบคุณ k a s i k o r n b a n k