
ทำงานมาก็นาน รู้สึกว่าตัวเองควรได้รับผลตอบแทน ที่ดีขึ้นบ้าง แต่บางครั้งบริษัทก็ไม่ปรับฐานเงินเดือนสักที จะทำยังไงดี? บางครั้งการขอเงินเดือนเพิ่มก็เป็นทางออกหนึ่งที่เราควรเดินเข้าไปหาเอง ไม่ใช่รอจนกว่าที่บริษัทจะปรับเงินเดือนให้
ซึ่งไม่มีทางรู้ว่าเมื่อไหร่เพราะเวลาก็เป็นต้นทุนที่สำคัญ ถ้าคุณขอเงินเดือนเพิ่มด้วยตัวเอง จะทำให้คุณมีรายได้มากขึ้น มีเงินเก็บมากขึ้นมีเงินไปลงทุนมากขึ้น มาดูกันว่าจะขอเงินเดือนเพิ่มต้องทำอย่างไรกันบ้างก่อนจะไปดูวิธีขอเงินเพิ่ม มาดูข้อมูลจูงใจกันสักนิด
รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันมี 1 ใน 3 ของพนักงานเงินเดือน ที่มีการเจรจาขอเงินเดือนเพิ่มด้วยตัวเอง ซึ่งช่วยให้เขาได้รับเงินเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเฉลี่ยถึง 11% หากคุณเคยได้รับเงินเดือนที่ประมาณ 30,000 บาท ต่อเดือน
คุณก็จะได้รับเงินเพิ่มเป็น 33,300 บาท ได้รับเงินเพิ่มมาอีก 3,300 บาทโดยใช้เพียงการเจรจาต่อรองเท่านั้น (ยอดเงินนี้ยังไม่รวมภาษี, โบนัสอื่นๆ)
1. ขอเงินเดือนเพิ่ม เมื่อถึงจังหวะ
จังหวะ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการเจรจาต่อรอง ไม่แพ้เรื่องไหนๆ หากคุณต้องการเจรจา ขอเงินเดือนเพิ่ม ที่จริงก็เริ่มได้ตั้งแต่เมื่อคุณ ได้รับการตกลงสมัครรับเข้าทำงานในวันแรก นั่นจะเป็นการเจรจาเรื่องเกี่ยวกับเงินในครั้งแรก หลังจากนั้นก็จะมีช่วงเวลาที่คุณผ่านโปร
ก็เป็นโอกาสที่สำคัญเช่นกัน รวมไปถึงเมื่อถึงหมุดหมาย สำคัญต่างๆ เวลาผ่านไป 6 เดือน 1 ปี หรือเมื่อจบโปรเจคใหญ่ๆ ได้สำเร็จ ถือเป็นจังหวะที่ดี แต่ควรมีการฝึกฝน
โดยเคล็ดลับการขอเงินเดือนเพิ่มให้ประสบความสำเร็จคือ
1. รอจนกว่าจะได้รับ เข้าทำงานจริงๆ หรือผ่านช่วงเวลาที่สำคัญ
2. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ของอาชีพตัวเอง เปรียบเทียบเยอะๆ
3. ตั้งเงินเดือน ที่คุณต้องการไว้ในใจ
4. ตั้งเป้าหมายในการเจรจา
5. หาเหตุผล และวัตถุประสงค์ในการขอเงินเดือนเพิ่ม
6. ฝึกซ้อมเจรจา ด้วยการพูดคุยกับเพื่อน
2. ทำ ล า ย ความเชื่อที่ว่า เจ้านายจะรู้สึกไม่พอใจเมื่อมีการขอขึ้นเงินเดือน
หลายคนมักสร้างความกลัว ให้กับตัวเองไปก่อน เพราะคิดว่าการเจรจาเกี่ยวกับเรื่องเงินจะทำให้เจ้านายหรือ HR ของบริษัทไม่พอใจในตัวคุณ จนเป็นการปิดโอกาสของตัวเองในการที่จะสร้างรายได้ เพิ่มอย่าลืมว่าคุณคือ ฟั น เฟืองที่สำคัญของบริษัท
คุณคือคนที่ทำงานเพื่อให้บริษัทเติบโตไปในวันข้างหน้า แล้วถ้าบริษัทอยากจะเติบโตไปพร้อมกับคุณ ถ้าคุณขอสิ่งใดกับบริษัทไปแล้ว พวกเขาควรที่จะพิจารณาเพื่อที่จะดึง คุณไว้ให้อยู่กับบริษัทนี่คือวิธีการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง
เพื่อทำให้คุณมั่นใจ และหากคุณสามารถ ตัดเหตุผลส่วนตัวต่าง ๆ ออกไปได้ การเจรจาจะราบรื่นแน่นอน
3. อย่าเพิ่งเจรจาถึงเงินเดือนที่ต้องการโดยตรง
อย่าเพิ่งบอกตัวเลขเงินเดือน ที่คุณต้องการโดยตรง เพราะนั่นอาจจะทำให้คุณได้เงินเดือนเพิ่มน้อยกว่าที่คุณควรจะได้จริง ๆ ก็เป็นได้ ควรเจรจาถึงผลประโยชน์ ที่ทางบริษัทจะได้รับเมื่อจ่ายค่าจ้างคุณเพิ่ม โน้มน้าวใจให้เขาเชื่อในตัวคุณ
เรื่องตัวเลขเงินเดือนมันเป็นเรื่องที่สามารถยืดหยุ่นได้ บางครั้งสวัสดิการอื่นๆ ที่จะได้รับก็อาจจะเหมาะสมกับคุณกว่า และทางบริษัทอาจจะรู้สึกดีกว่าจ่ายเงินเดือนเพิ่มตรงๆ เช่นอาจจะขอทำงานจากที่บ้าน ขอวันหยุดเพิ่ม ขอทำงานแค่ 4 วันต่อสัปดาห์
หรือขอ ค อ ร์ ส เรียนต่างๆ หลายๆอย่างที่คุณขออาจมีผลประโยชน์ทางภาษีที่ดีกว่าสำหรับบริษัทแต่หากคุณต้องการเงินเดือนเพิ่มจริงๆ ลองดูข้อต่อไป
4. พูดถึงเป้าหมายที่มีร่วมกันในอนาคต
วิธีหนึ่งที่ดี คือการพูดถึงเป้าหมายที่มีร่วมกันในอนาคต เหตุผลอะไรที่บริษัทและเจ้านายของคุณ ควรจะมีคุณไว้ ซึ่งหากเราพูดคุยเจรจา วาดฝันเป้าหมายในอนาคตร่วมกันได้ละก็ จะทำให้เจ้านายรู้สึกว่าคุณคือพวกของเขา ทีมเดียวกันกับเขา และคือคนที่อยากจะเติบโตไปพร้อมๆ กัน
การวาดเป้าหมายในอนาคตจะทำให้ตัวเจ้านาย หรือเจ้าของบริษัทมั่นใจในตัวคุณ และมั่นใจในตัวเองด้วยว่า สิ่งที่เขาทำอยู่จะไปรอดเพราะมีคุณ เมื่อเขาเชื่อมั่นในตัวคุณแล้ว
เงินเดือนที่คุณขออาจได้มากกว่าที่คุณต้องการอีกด้วย! จงเป็นคนที่ทำงานดี มุ่งมั่น และทำให้ทุกคนเห็นคุณค่าในตัวคุณ นี่คือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
5. ปรึกษากับเพื่อนที่ทำงานในแวดวงเดียวกัน
แม้ว่าทางบริษัท หรือ HR จะมีกฏว่าห้ามเผยแพร่ เงินเดือนให้ผู้อื่นรับรู้ เพราะอาจเป็นเรื่องที่ทำให้แต่ละฝ่ายไม่สบายใจได้ แต่คุณควรพูดคุยกับคนในอุตสาหกรรมเดียวกันบ้าง ว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่
สวัสดิการเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้พิจารณาถึงทางเลือกอื่นๆ ในชีวิตไว้บ้าง การมีข้อมูลในการต่อรองในหัว ไว้เยอะๆ จะทำให้คุณสามารถเจรจาต่อรองได้ดีขึ้น
สิ่งที่ทำให้ฐานเงินเดือนของแต่ละคนต่างกัน คือ
– สถานที่ในการทำงาน
– ระดับการศึกษา
– ใบรับรองจากสถาบันต่างๆ
– ประสบการณ์ในการทำงาน
– ตำแหน่ง
6. จังหวะที่ดีในการมองหาเงินเดือนเพิ่ม ก็ตอนที่คุณมีงานทำอยู่แล้ว หรือได้รับข้อเสนอจากที่ใหม่
ไม่ควรเอาตัวเอง ไปอยู่บนความ เ สี่ ย ง และหากคุณเป็นคนทำงานที่เก่ง ทำงานดี เป็นที่นิยมชมชอบ หรือเริ่มมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น ในอุตสาหกรรม จนได้รับข้อเสนอจากที่ใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ง่ายมาก ในความเป็นจริงต่อให้คนไทยจะมี 70 ล้านคนแล้ว
แต่คนที่ทำงานในแวดวงเดียวกันย่อมรู้จักกันได้ง่าย โอกาสที่จะได้รับข้อเสนอจากบริษัทอื่นๆก็มีเสมอ หากคุณทำงานดีจริงๆคุณสามารถนำข้อเสนอที่ได้รับจากบริษัทอื่น มาใช้เจรจาต่อรองกับบริษัทปัจจุบันของคุณได้ ส่วนใหญ่จะมีโอกาสได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น
หากทางบริษัทเดิมของคุณอยากให้คุณอยู่ แต่ไม่ได้เสนออะไรเพิ่มเติมให้กับคุณ การพิจารณาย้ายงานอาจเป็นทางออกที่ดีก็ได้อย่าลืมว่า การยื้อทางวาจา ไม่ได้มีผลอะไรขนาดนั้น สหภาพแรงงานมีกฏหมายคุ้มครองคนทำงานอยู่แล้ว
หากคุณอยากลาออกหรือย้ายงาน ก็เป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้ทันที (อาจมีระยะเวลาส่งมอบงาน 30 วันก่อนย้าย)
7. ความสุภาพ ความมั่นใจและเป็นมิตรจะช่วยเพิ่มโอกาสได้
ความสุภาพและเป็นมิตร ถือเป็นโบนัสในการใช้ชีวิต สำหรับคนที่มีสิ่งนี้อยู่ในตัวอยู่แล้ว เป็นซอฟท์สกิลที่ช่วยให้ผู้อื่นสบายใจเมื่อได้ร่วมงานด้วย
และมักได้ผลเสมอเมื่อเจรจาต่อรอง กับผู้อื่นรวมไปถึงความมั่นใจ โปรดมอบความมั่นใจให้กับตัวเองไว้เสมอๆ เพื่อที่จะทำให้คุณกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ได้
8. มีแผนสำรองไว้เสมอ
สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ อาจไม่ใช่ทุกคนที่ขอเงินเดือนเพิ่ม แล้วได้เงินเดือนเพิ่มเลยในทันที หรือแม้แต่กระทั่งคุณอาจจะไม่ได้เงินเดือนเพิ่มเลยก็ได้
เนื่องจากว่าแต่ละบริษัทก็มีเหตุผลของตัวเองและในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ บางบริษัทก็อาจจำเป็นต้องรัดเข็มขัดการใช้จ่ายของตัวเองให้ดีที่สุด
แผนสำรองที่คุณควรมองหาไว้ในกรณีขอเงินเดือนไม่สำเร็จ
– ไม่คาดหวังกับเงินเดือนที่จะได้เพิ่มมากเกินไป
– หางานในตำแหน่งเดียวกัน จากบริษัทอื่น
– หารายได้เสริม ทำธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ให้ตัวเอง
– ประหยัดเงินเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีเงินนำไปใช้ลงทุนอย่างอื่นได้
นี่คือ 8 คำแนะนำ ในการขอเงินเดือนเพิ่ม ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ การทำงานที่ดีควรมีการวางแผน การเจรจาต่อรองเงินเดือนก็เช่นกัน อย่าลืมว่าต้นทุนทางเวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก
หากคุณเจรจาต่อรองตั้งแต่วันนี้ก็อาจจะทำให้คุณมีเงินมาใช้จ่ายเพิ่ม โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลยก็ได้ สกิลการต่อรองถือเป็นสกิล ที่มีมูลค่ามหาศาลมากในยุคนี้ อย่าลืมฝึกฝนเอาไว้นะ!
ขอขอบคุณ g e l e n d i n g