
1. คนเก่งที่ทำทุกอย่างคนเดียว
การที่คนเก่งชอบทำอะไรเอง ทุกอย่าง น่าจะเกี่ยวข้องมาจากข้อที่แล้วว่าชอบให้ทุกอย่างเป๊ะ ๆ
พอคนอื่นทำไม่ได้ดั่งใจ ก็เลยเกิดความไม่ไว้ใจ ต้องลงมือทำทุกอย่างเพียงลำพัง
ประกอบกับอยากได้หน้าโชว์ความเก่ง ของตัวเองแบบเต็ม ๆ ก็ยิ่งไม่ปล่อยให้เพื่อนร่วมงาน
ได้ทำหน้าที่ตามที่ควรจะเป็น คนเก่งประเภทนี้หากต้องเจองานสเกลใหญ่
ที่ต้องใช้ทีมงานหมู่มากในการทำงาน รับรองว่าไปต่อไม่ได้ เพราะไม่ถนัดทีมเวิร์คนั่นเอง
2. คนเก่งที่เป็น Perfectionist
คนเก่งหลาย ๆ คนมักจะยึดติด กับความสมบูรณ์แบบทั้งกับตัวเองและผู้คนรอบข้าง
จนหลงลืมไปว่าโลกเรานั้นไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ 100% แม้กระทั่งตัวเราเอง มีความเก่งด้านนี้
แต่ก็อาจไม่เชี่ยวชาญในด้านอื่น หรือก่อนที่จะเก่งขึ้นมาได้ ก็ต้องเริ่มต้นจากการไม่รู้มาก่อน
คนเก่งที่ชอบให้ทุกอย่างเป๊ะ ๆ ได้อย่างใจไปเสียทุกเรื่อง อย่างนี้ แน่นอนว่าพอไม่ได้ดั่งใจ
ก็มักจะหงุดหงิดอารมณ์เสียอยู่บ่อย ๆ ใครก็เข้าหน้าไม่ติด พลอยทำให้ตัวเอง
และคนรอบข้างไม่มีความสุขโดยไม่รู้ตัว
3. คนเก่งที่หลงตัวเอง
เป็นธรรมดา ของคนเราที่เมื่อได้รับการชื่นชมบ่อย ๆ ก็มักจะเกิดความภาคภูมิใจ
แต่หากมากเกินไปก็อาจเข้าขั้นของอาการหลงตัวเอง ชอบคิดว่าตัวเองเก่งกว่าใคร ๆ
ชอบให้คนมาชมเชยอยู่กับความสำเร็จเก่า ๆ พอหลงตัวเองแล้วก็จะชอบดูถูกคนอื่นไปทั่ว
ด้วยความคิดว่าไม่มีใครเก่งกว่าตัวเราชอบหลงตัวเอง อย่างนี้ เพื่อน ๆ ยี้
ไม่อยากอยู่ใกล้ แถมไม่มีใครจริงใจด้วยอย่างแน่นอน
4. คนเก่งที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
คนเก่งบางคนชอบยึดตัวเอง เป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง คนรอบข้างต้องคล้อยตาม
เห็นดีเห็นงามด้วยทุกเรื่อง แถมยังต้องเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างตามที่พวกเขาแนะนำ
ใครแย้งหรือเห็นต่างขึ้นมา ถึงกับยอมไม่ได้ ต้องทุ่มเถียงกันจนอีกฝ่ายจนมุมให้ได้
ไม่ยอมรับความแตกต่างของผู้คนรอบข้างแบบนี้ อยู่ร่วมกับใคร
ก็คงมีแต่เรื่อง ป ว ด หั ว ยุ่งยากใจตลอดเวลา
5. คนเก่งที่หลงลืมความรู้สึกคนรอบข้าง
คนบางคนเก่ง รอบรู้ไปเสียทุกอย่าง ไม่รู้อยู่อย่างคือความรู้สึกของคนรอบข้าง
บางครั้งก็หลงลืมไปว่าความสำเร็จที่ได้มานั้น อาจไม่ได้มาจากตัวเราเอง ล้วน ๆ
อาจมีหลายคนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ เผลอมองข้าม ไม่เห็นความสำคัญ ไม่ยกย่อง
แสดงความขอบคุณกันอย่างจริงใจ ถึงคราวต่อไปอาจไม่มีใครอยากช่วยเหลือเราอีกแล้วก็ได้
6. คนเก่งไม่สนใจระบบอาวุโส
คนเก่งก็มักจะมีอคติ กับบรรดารุ่นพี่ในที่งานว่า ฉันเด็กกว่า ฉันเก่งกว่า
คนเก่าคนแก่ไม่ทันยุคสมัย อะไร ๆ ก็ชักช้า ไม่ทันโลกสักอย่าง หรือที่ แ ย่ กว่า
ก็คือเลือกปฏิบัติทำดีเฉพาะกับผู้อาวุโสที่มีตำแหน่งใหญ่ มีสิทธิตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ
นอกนั้นมองไม่เห็นหัว ไม่จำเป็นต้องอ่อนน้อมถ่อมตน กับใคร ก็เป็นแบบนี้
ใครจะถูกชะตา คะแนนติดลบในสายตาเพื่อนร่วมงานแบบสุด ๆ
7. คนเก่งบางคนมาจากการฉวยโอกาส
คนเก่งบางคน ก็ฉลาดแกมโกง อยากได้หน้าโดยไม่ต้องลงมือเองให้เหนื่อย
ฉวยโอกาสจากการอยากแจ้งเกิดของเด็กใหม่ ๆ ให้เด็กคิดไอเดีย เรา present ให้ สบาย ๆ
พอใส่เครดิตก็เอาแต่ตัวเองไม่แบ่งใคร ทั้งได้หน้าคนเดียว แถมยังได้สกัดดาวรุ่งไปในตัว
เป็นแบบนี้บ่อย ๆ สักวันงานจะเข้าแบบไม่รู้ตัว
8. คนเก่งที่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว
คนเก่งทั้งหลายพอคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ก็พอแล้ว ไม่ต้องรับรู้อะไรอีก หยุดพัฒนาตัวเองไปโดยปริยาย
ลืมไปว่าโลกทุกวันนี้ มีอะไรเกิดขึ้นใหม่ทุกวัน ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
คนเก่งที่ติดกับดักความสำเร็จในอดีต ของตัวเองก็จะไม่ยอมขวนขวายต่อยอดความรู้ใหม่ ๆ
สุดท้ายก็โดนเด็กรุ่นใหม่ หรือคนที่พัฒนาตัวเองอยู่เสมอแซงหน้าไปไกล ทิ้งกันแบบไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว
9. เป็นคนเก่งที่ไม่ดี
การเป็นคนเก่ง แต่ไม่ได้มีคุณสมบัติของการเป็นคนดี มีคุณธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
ย่อมหนีไม่พ้นเรื่อง ร้ า ย ๆ หรือปัญหายุ่งยากในการทำงานเสมอ จะด้วยความประมาท
หรือเคยทำให้คนอื่นผูกใจ เ จ็ บ ไว้มาก สุดท้ายปัญหาต่าง ๆ ก็จะประดังประเดเข้ามา
เพื่อนร่วมงานก็หนีหน้า ไม่ให้ความช่วยเหลือ สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร แพ้ภัยตัวเองในที่สุด
ในโลกของการทำงาน ไม่มีทางที่เราจะทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว ต้องอาศัยคนทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ กัน
คอยเกื้อหนุนขับเคลื่อนให้งานเดินหน้า ไปได้อยู่เสมอ การเป็นคนเก่งเพียงคนเดียวคงไม่มีประโยชน์อะไร
หากไม่สามารถ ทำงานร่วมกับใครได้ อย่ายึดติดกับทุกสิ่งทุกอย่าง เดินทางสายกลาง
เคารพและให้เกียรติคนทำงานทุกคนอย่างจริงใจ จำไว้ว่าไม่มีใครเก่งทุกอย่าง ตัวเราก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง
มองการณ์ให้ไกลเข้าไว้ มองอะไรให้พ้นไปจากผลประโยชน์ของตัวเอง แล้วคนทำงานจะค้นพบ
จุดสมดุลระหว่างความสุขกับความสำเร็จในการทำงานได้ ไม่ติดกับดักการเป็นคนเก่งอีกต่อไป
ขอขอบคุณ k r o o b a n n o k