
เชื่อหรือไม่ว่าความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเรื่องการเงินนำพาให้ผู้คนเข้าสู่ความ ย า ก ลำบากในการจัดการ การเงินของตนเอง หลายคนรายได้ต่อเดือนเยอะ
แต่ปรากฎว่าไม่เคยเหลือเก็บ แถมเป็นหนี้เพิ่มอีก ขณะที่บางคนเงินเดือนต่อเดือนน้อยแต่กลับมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ แถมยังใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เรามาทำความเข้าใจกับความเชื่อผิดๆทางการเงินกันดีกว่า เพราะถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในสภาวะ ย า ก ลำบากทางการเงินแค่ไหน
แต่ถ้ารู้ต้นเหตุของปัญหาและเริ่มจัดการให้เข้าที่เข้าทางโอกาสรอดในภาวะ วิ ก ฤ ต ของนั้นมีอย่างแน่นอน
1. ค่าใช้จ่ายเล็กๆที่กลายเป็นเงินก้อนใหญ่
คนที่มีฐานะร่ำรวยส่วนใหญ่ จะยอมเสียค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงแค่ครั้งเดียว
เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ คือ คนที่มีเงินและหาเงินได้เก่งนั้นจะไม่ยอมเสียเงินหลักสิบบาทไปกับของที่ไม่จำเป็น
อาทิเช่น คุณยอมจ่ายค่ากาแฟทุกเช้าโดยให้เหตุผลกับตัวเองว่าแก้วละ 50 บาทเอง หรือยอมจ่ายเงินดูหนังผ่านแอพ
เพราะคิดว่าเรื่องละ 100 บาทเอง แต่เชื่อไหมนี่คือค่าใช้จ่ายเล็กที่รวมแล้วเป็นเงินก้อนใหญ่ และคุณมักจะแปลกใจเสมอเมื่อถึงเวลาสิ้นเดือนว่าเงินคุณหายไปไหน
คำนวณง่าย ๆ ถ้าคุณซื้อกาแฟดื่มทุกวัน วันละ 50 บาท 20 วันของการทำงานคิดเป็นเงิน 1,000 บาท
ขณะที่คุณบอกว่าขอดูหนังผ่านแอพฯ ทุกสุดสัปดาห์ เรื่องละ 100 บาทเอง และหนึ่งเดือนมีสี่สัปดาห์ รวมแล้วเป็นเงิน 400 บาท
เท่ากับว่าคุณจ่ายเงินกับสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นเงินนิด ๆ หน่อย ๆ ไปเดือนละ 1,400 บาท
ลองมองหารายจ่ายแบบนี้รอบตัวคุณดูว่า มีอะไรลด ละ เลิก ได้บ้างไหม
และเอาเงินเหล่านั้นมาเพิ่มเป็นยอดเงินฝาก น่าจะทำให้คุณมีบัญชีตัวแดงน้อยลง
2.ค่าบริการที่ไม่จำเป็นแบบรายเดือน
เอาเข้าจริงแล้ว สิ่งที่คนเราต้องการนั้นมีเพียงแค่ปัจจัย 4 จริง ๆ คือ อ า ห า ร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และ ย า รั ก ษ า โ ร ค
เมื่อมีของเหล่านี้ครบแล้ว สิ่งที่เหลือก็เป็นของที่มากเกินจำเป็น หรือเป็นของที่ อ ย า ก ได้ตามจริตตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสตรีมมิ่งทีวี สตรีมมิ่งเพลง สมาชิกฟิตเนส เหล่านี้คุณต้องจ่ายเงินรายเดือน ปีแล้วปีเล่า แต่คุณได้ใช้จริงเท่าไร และคุ้มค่าหรือไม่
เมื่อเป็นแบบนี้คงต้องถึงเวลาสำรวจการใช้จ่ายที่ไม่เคยหยุดจ่ายได้เลย
และ หันมาเก็บรวบรวมเงินเหล่านั้นไว้ในบัญชีเงินฝาก เช่นเดียวกับรายจ่ายเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่ได้จำเป็นต่อชีวิตในข้อแรก
3. ใช้ชีวิตอยู่กับการใช้เงินในอนาคต
ทุกวันนี้การใช้เครดิตการ์ด เพื่อซื้อของที่ อ ย า ก ได้โดยไม่ยั้งคิดกลายเป็นเรื่องปกติ และหลายคนใช้วิธีจ่ายขั้นต่ำ
โดยที่ไม่ได้รู้ว่า ดอกเบี้ยจากบัตรเครดิต ที่คุณจ่ายขั้นต่ำนั้นวิ่งไล่ตามหลังเป็นเงาที่น่ากลัวขนาดไหน
ดังนั้น การหยุดใช้บัตรเครดิต เคลียร์หนี้บัตรเครดิตเสียให้หมด จะเป็นทางรอดที่จะทำให้สถานการณ์การเงินของคุณดีขึ้น
ขอให้จำไว้เสมอว่าการใช้ชีวิตด้วยการใช้บัตรเครดิต คือการใช้เงินที่คุณหามาได้นั่นแหละ และถ้ายังทำต่อไปโดยไม่หยุดยั้งคิด คุณจะไม่มีเงินเหลือเก็บเลยไม่แต่บาทเดียว
4. เปลี่ยนรถใหม่เป็นประจำ
ทุกวันนี้ใคร ๆ ก็ซื้อรถได้ เพราะไฟแนนซ์ให้คุณจ่ายได้แม้แต่ผ่อนดาวน์ มีคนจำนวนน้อยมากที่สามารถซื้อรถโดยใช้เงินสด
และคนส่วนใหญ่ใช้มักจะผ่อนระยะย าวมากกว่า ในปัจจุบันผ่อนกัน ย า ว ถึง 84 เดือนหรือ 7 ปี เพราะพวกเขาเห็นว่าดอกเบี้ยรถนั้นมีเปอร์เซน์คงที่
แถมไฟแนนซ์ยังคำนวนยอดที่เท่ากันมาให้ดูทุกเดือน ทำให้ยอดนั้นดูไม่สูงมากนัก แต่ถ้าคำนวณดี ๆ
คนที่ตัดสินใจเลือกผ่อน ร ถ ย า ว ขนาด 84 เดือน ก็เท่ากับการซื้อรถในราคาที่แพงกว่าราคารถเกือบสองเท่าตัว
ดังนั้น การซื้อรถจึงต้องคำนวณความจำเป็นของการใช้งานของตนเองด้วย
เพราะรถหนึ่งคันมาพร้อมกับค่าน้ำมัน ค่าบำรุง รั ก ษ า ประกันภัย ซึ่งล้วนแล้วเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ทั้งสิ้น
5. หมดเงินไปกับบ้านมากเกินไป
เมื่อถึงช่วงอายุหนึ่ง หลายคนจะตัดสินใจซื้อบ้าน และ ส่วนใหญ่มักมองบ้านหลังใหญ่ มีพื้นที่เยอะแม้จะอยู่ชานเมือง
หากแต่ไม่ได้มองว่าการใช้งานจริงนั้นมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน และมองว่าการซื้อบ้านคือการลงทุนเลยตัดสินใจซื้อหลังใหญ่ ๆ ไปเลย
ซึ่งหมายถึงการผ่อนต่อเดือนที่อาจจะเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของรายรับ ถามว่าดีไหม คำตอบคือดีแน่ถ้าคุณมั่นใจว่างานที่ทำอยู่จะมั่นคง
และหน้าที่การงานของคุณนั้นมีโอกาสก้าวหน้าต่อไปในอีก 10 ปีข้างหน้า
เพราะเมื่อคุณซื้อบ้านหนึ่งหลัง นั่นหมายความว่า คุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ตามมากับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลาง ค่าบำรุง รั ก ษ า บ้าน
รวมไปถึงดอกเบี้ยบ้านที่วิ่งไล่ตามคุณทุกปี และไม่นับรวมการซื้อบ้านหลังใหญ่ชานเมือง โดยที่คุณต้องเดินทางเข้าเมืองเพื่อมาทำงาน
ทำให้เวลาอยู่ที่ออฟฟิศของคุณ มากกว่าเวลานอนอยู่กับบ้าน หรือต้องเสียค่าเดินทางเป็นเงินจำนวนมาก
ดังนั้น การเลือกขนาดของบ้าน หรือที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิต รวมไปถึงการคำนวณค่าเดินทาง
จะทำให้คุณเห็นความเป็นจริงว่าจะต้องใช้พื้นที่เท่าไร และทำอย่างไรให้ผ่อนบ้านโดยที่คุณไม่เดือดร้อน แม้ว่าชีวิตต้องเจอกับมรสุมทางการเงินก็ตาม
ขอขอบคุณ t o n k i t 3 6 0